SHORT CUT
BYD บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าชั้นนำของจีน สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ด้วยการผลิตรถยนต์พลังงานใหม่ (NEV) คันที่ 10 ล้าน จากผู้ผลิตแบตเตอรี่รายย่อยในปี 1995 สู่ผู้นำแห่งวงการรถยนต์ไฟฟ้าระดับโลก
BYD ฉลองครบรอบ 30 ปี ผลิตรถยนต์ NEV ครบ 10 ล้านคัน โดยใช้เวลา 15 ปีเต็มสำหรับ 5 ล้านคัน ปัจจุบันใช้เวลาเพียง 15 เดือน ก็สามารถผลิตได้ถึง 5 ล้านคัน ซึ่งชี้ให้เห็นถึงนวัตกรรมที่น่าสนใจของบริษัทจีนยักษ์ใหญ่นี้
ปัจจุบันการผลิตรถยนต์เฉลี่ยของ BYD สามารถทำได้ประมาณวันละ 16,300 คันต่อวัน ซึ่งถือว่าทำลายสถิติและทำให้บริษัทสามารถผลิตรถได้เร็วมากกว่าในอดีตมาก
จุดเริ่มต้นของ BYD เริ่มขึ้นในปี 1995 ด้วยทีมงานเล็กๆ เพียง 20 คน โดยมุ่งเน้นที่การผลิตแบตเตอรี่ ก่อนจะพลิกโฉมธุรกิจเข้าสู่วงการยานยนต์ในปี 2003 ด้วยการเข้าซื้อกิจการ Qinchuan
BYD เริ่มต้นเส้นทางการผลิตรถยนต์ด้วยรุ่น 316 ในปี 2004 แต่ต้องพบกับอุปสรรคเมื่อตัวแทนจำหน่ายยังไม่มั่นใจคุณภาพ แต่ BYD ก็พลิกวิกฤตกลับมาได้อย่างรวดเร็วด้วยการเปิดตัว F3 ในปี 2005 กวาดยอดขายถล่มทลายกว่า 100,000 คันภายใน 14 เดือน ความสำเร็จครั้งนี้จุดประกายความทะเยอทะยานของ BYD และนำไปสู่การพัฒนาเทคโนโลยีปลั๊กอินไฮบริด (PHEV)
ปี 2008 BYD เปิดตัวแพลตฟอร์มไฮบริด DM รุ่นแรก และแนะนำ F3DM รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดที่ผลิตเพื่อจำหน่ายในวงกว้างรุ่นแรกของโลก นับเป็นก้าวสำคัญที่แสดงถึงความมุ่งมั่นของ BYD ในการพัฒนา NEV (รถยนต์พลังงานใหม่)
BYD ยังคงเดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีไฮบริดอย่างไม่หยุด ซึ่งได้เปิดตัวแพลตฟอร์ม DM รุ่นที่สี่ในปี 2021 พร้อมตัวเลือกที่เน้นสมรรถนะ (DM-p) และประหยัดน้ำมัน (DM-i) และล่าสุดในปี 2024 BYD ได้ยกระดับเทคโนโลยีสู่แพลตฟอร์ม DM รุ่นที่ 5
BYD ได้ตัดสินใจครั้งสำคัญในปี 2022 โดยประกาศยุติการผลิตรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายใน หันมาทุ่มเทให้กับปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) และรถยนต์ไฟฟ้า 100% (BEV) อย่างเต็มตัว
ความสำเร็จของ BYD ในปี 2021 ได้กลายเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายแรกของจีนที่ผลิตรถยนต์ NEV ได้หนึ่งล้านคัน และในเดือนพฤศจิกายน 2024 BYD สร้างปรากฏการณ์ครั้งสำคัญ ผลิตรถยนต์ NEV คันที่ 10 ล้าน
BYD Denza Z9 เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ในงาน Guangzhou Auto Show 2024 สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ BYD ในด้านนวัตกรรมและการรุกตลาดรถยนต์หรู ซึ่ง Denza Z9 มีให้เลือกทั้งรุ่น PHEV และ BEV โดดเด่นด้วยเทคโนโลยี e3 ขั้นสูงของ BYD ระบบอันล้ำสมัยที่ออกแบบมาเพื่อรถยนต์สมรรถนะสูงโดยเฉพาะ
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่ายอดขายทั่วโลกของ BYD จะพุ่งสูงถึง 6 ล้านคันภายในปี 2026 โดยส่วนสำคัญมาจากตลาดต่างประเทศ สะท้อนความมุ่งมั่นของ BYD ในการขยายอาณาจักรไปไกลกว่าจีน และก้าวสู่การเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าโลก
BYD ประกาศว่าจะลงทุน 100 พันล้านหยวนเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีอัจฉริยะที่ผสมผสานปัญญาประดิษฐ์และรถยนต์ ความก้าวหน้าทางอัจฉริยะที่ครอบคลุมของรถยนต์ทั้งคันและได้รับสิทธิ์ในการพูดเกี่ยวกับเทคโนโลยีในอนาคต
การเดินทางของ BYD จากผู้ผลิตแบตเตอรี่รายเล็กสู่ยักษ์ใหญ่แห่งวงการรถยนต์ไฟฟ้า คือบทพิสูจน์ความมุ่งมั่นในด้านนวัตกรรม ความยั่งยืน และการขยายธุรกิจระดับโลก การมุ่งเน้นพัฒนาเทคโนโลยี NEV ขั้นสูง ความสำเร็จในการผลิตอันน่าทึ่ง และกลยุทธ์ความร่วมมืออันแข็งแกร่ง ส่งผลให้ BYD เป็นกำลังสำคัญในการกำหนดอนาคตของอุตสาหกรรมยานยนต์
ความสำเร็จของ BYD ชี้ให้เห็นถึงอนาคตของอุตสาหกรรมยานยนต์ที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว รถยนต์ไฟฟ้า (EV) กำลังเข้ามาแทนที่รถยนต์สันดาปภายในอย่างรวดเร็ว โดยมีปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญไม่ว่าจะเป็น ผู้บริโภคหันมาใส่ใจปัญหาสิ่งแวดล้อมมากขึ้น, แบตเตอรี่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น, หลายประเทศทั่วโลกออกมาตรการสนับสนุนการใช้รถยนต์ไฟฟ้า
ในอนาคตอันใกล้ เราจะเห็นการเติบโตของรถยนต์ไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง เทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติ ระบบเชื่อมต่อ และนวัตกรรมอื่นๆ จะเข้ามามีบทบาทสำคัญ ผู้ผลิตรถยนต์แบบดั้งเดิมต้องปรับตัว ขณะที่ผู้เล่นรายใหม่ๆ จะเข้ามาแข่งขันในตลาดมากขึ้น
ที่มา : CnEVPost