svasdssvasds

BMW เตือน EU แบนรถยนต์สันดาป เสี่ยงพึ่งพาจีน ชูทางเลือกใหม่ e-Fuels ลดคาร์บอน

BMW เตือน EU แบนรถยนต์สันดาป เสี่ยงพึ่งพาจีน ชูทางเลือกใหม่ e-Fuels ลดคาร์บอน

BMW คัดค้าน EU ชี้การแบนรถยนต์สันดาป เสี่ยงต่อการพึ่งพาจีนและบั่นทอนอุตสาหกรรมยานยนต์ยุโรป สหภาพยุโรปที่จะห้ามจำหน่ายรถยนต์ใหม่ที่ใช้น้ำมันเบนซินและดีเซลภายในปี 2035 กำลังเผชิญกับแรงต้านจากผู้ผลิตรายใหญ่

SHORT CUT

  • BMW แสดงความกังวลว่าการเปลี่ยนไปใช้รถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมดจะทำให้ยุโรปต้องพึ่งพาจีนในเรื่องแบตเตอรี่มากเกินไป และเสนอให้ EU สนับสนุนเทคโนโลยีอื่นๆ เช่น เชื้อเพลิงอิเล็กทรอนิกส์และไฮโดรเจน
  • การพึ่งพาเทคโนโลยีแบตเตอรี่จากจีนอาจทำให้ยุโรปมีความเสี่ยงด้านห่วงโซ่อุปทานและความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ ซึ่งอาจส่งผลเสียต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ของยุโรป
  • BMW เสนอให้ EU ใช้แนวทางที่เปิดกว้างทางเทคโนโลยีมากขึ้น โดยสนับสนุนการพัฒนารถยนต์หลายรูปแบบ EU มีกำหนดทบทวนนโยบายนี้อีกครั้งในปี 2026 ซึ่งจะเป็นโอกาสสำคัญในการหารือถึงอนาคตของอุตสาหกรรมยานยนต์ยุโรป

BMW คัดค้าน EU ชี้การแบนรถยนต์สันดาป เสี่ยงต่อการพึ่งพาจีนและบั่นทอนอุตสาหกรรมยานยนต์ยุโรป สหภาพยุโรปที่จะห้ามจำหน่ายรถยนต์ใหม่ที่ใช้น้ำมันเบนซินและดีเซลภายในปี 2035 กำลังเผชิญกับแรงต้านจากผู้ผลิตรายใหญ่

BMW แสดงความกังวลต่อนโยบายของสหภาพยุโรป (EU) ที่จะห้ามจำหน่ายรถยนต์สันดาปภายในปี 2035 โดยระบุว่าการเร่งเปลี่ยนผ่านไปสู่รถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (BEV) 100% อาจก่อให้เกิดผลกระทบเชิงลบต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ของยุโรป เนื่องจากมีความเสี่ยงที่ยุโรปจะต้องพึ่งพาจีนซึ่งเป็นผู้ครองตลาดแบตเตอรี่ EV ของโลกในปัจจุบัน

CREDIT : BMW

Oliver Zipse ซีอีโอของ BMW ออกโรงเตือนสหภาพยุโรป (EU) ให้พิจารณาแผนการห้ามจำหน่ายรถยนต์ใหม่ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในปี 2035 อีกครั้ง โดยชี้ว่าการเปลี่ยนไปใช้รถยนต์ไฟฟ้า 100%(BEV) เร็วเกินไป จะทำให้ยุโรปต้องพึ่งพาจีนในเรื่องแบตเตอรี่ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ของยุโรปในระยะยาว

BMW เน้นย้ำถึงปัญหาความเสี่ยงในห่วงโซ่อุปทานและความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ หากยุโรปต้องพึ่งพาจีน ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้ครองตลาดแบตเตอรี่ EV ของโลก โดยควบคุมทั้งการผลิตและวัตถุดิบส่วนใหญ่ การพึ่งพาเทคโนโลยีจากจีนอาจเป็นอุปสรรคต่อเป้าหมายการลดคาร์บอนของ EU และอาจทำให้สูญเสียการควบคุมอุตสาหกรรมยานยนต์ของตนเอง

BMW เตือน EU แบนรถยนต์สันดาป เสี่ยงพึ่งพาจีน ชูทางเลือกใหม่ e-Fuels ลดคาร์บอน

BMW เสนอให้ EU ทบทวนการแบนรถยนต์สันดาปภายในปี 2035 และหันมาใช้แนวทางที่เปิดกว้างทางเทคโนโลยีมากขึ้น โดยสนับสนุนการพัฒนาควบคู่กันไปทั้งรถยนต์ไฟฟ้า เชื้อเพลิงอิเล็กทรอนิกส์ (e-fuels) และไฮโดรเจน ซึ่งจะช่วยลดการพึ่งพาเทคโนโลยีใดเทคโนโลยีหนึ่งมากเกินไป และยังช่วยให้ผู้ผลิตรถยนต์ในยุโรปสามารถรักษาความได้เปรียบทางเทคโนโลยีเอาไว้ได้

BMW เตือน EU แบนรถยนต์สันดาป เสี่ยงพึ่งพาจีน ชูทางเลือกใหม่ e-Fuels ลดคาร์บอน

e-Fuels คือน้ำมันสังเคราะห์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ผลิตจากการนำก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศ มาผสมกับไฮโดรเจนที่ได้จากพลังงานสะอาด เช่น แสงอาทิตย์ หรือลม

ข้อดีคือ การเผาไหม้ e-Fuels จะไม่เพิ่มปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในชั้นบรรยากาศ เพราะเท่ากับเป็นการนำก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ดักจับมา กลับคืนสู่ชั้นบรรยากาศในปริมาณที่เท่าเดิม

นอกจากนี้ e-Fuels ยังสามารถนำไปใช้กับเครื่องยนต์สันดาปภายในแบบดั้งเดิมได้โดยไม่ต้องดัดแปลง ซึ่งหมายความว่า เราสามารถใช้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานที่มีอยู่เดิมได้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นระบบขนส่ง คลังน้ำมัน หรือสถานีบริการ

CREDIT : BMW

ผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำของเยอรมนี อาทิ BMW, Porsche และ Audi ต่างเล็งเห็นถึงศักยภาพของ e-Fuels และได้ทุ่มทุนมหาศาลในการวิจัยและพัฒนา เช่น Audi ที่ประสบความสำเร็จในการผลิต "e-benzin" จากชีวมวล และ Porsche ที่ก่อสร้างโรงงานผลิต e-Fuels โดยใช้พลังงานลม ณ ประเทศชิลี

ด้วยคุณสมบัติอันโดดเด่น และความพร้อมในการใช้งาน e-Fuels จึงถูกคาดหมายว่าจะเป็นเชื้อเพลิงทางเลือก ที่ช่วยลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล และสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคพลังงานสะอาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งเยอรมนี ในฐานะประเทศผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ ได้แสดงจุดยืนชัดเจนในการสนับสนุน e-Fuels ควบคู่ไปกับการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า

ไม่ใช่แค่ BMW เท่านั้นที่แสดงความกังวล Lutz Meschke ซีเอฟโอของ Porsche ก็ตั้งคำถามต่อการแบนในปี 2035 เช่นกัน ขณะที่เยอรมนีและอิตาลีประสบความสำเร็จในการเจรจาขอข้อยกเว้นสำหรับรถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงที่เป็นกลางทางคาร์บอน, Benedetto Vigna ซีอีโอของ Ferrari ระบุว่าบริษัทจะยังคงผลิตรถยนต์สันดาปต่อไป และมองว่า e-fuels เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ

ถึงแม้ e-Fuels จะมีข้อดีหลายประการ แต่ก็ต้องยอมรับว่ากระบวนการผลิตนั้น ยังคงต้องใช้พลังงานและทรัพยากรจำนวนมาก

นักวิจารณ์บางส่วนมองว่า การทุ่มทุนกับ e-Fuels อาจเป็นการเบี่ยงเบนความสนใจ และทรัพยากร จากการแก้ปัญหาการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในภาคส่วนอื่นๆ ที่มีขนาดใหญ่กว่า เช่น อุตสาหกรรมหนัก หรือการผลิตไฟฟ้า ซึ่งอาจส่งผลให้การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยรวม เป็นไปอย่างล่าช้า

อย่างไรก็ตามการที่ BMW ได้ออกมาแสดงความกังวลเกี่ยวกับการแบนรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน แต่ก็ไม่ได้ละทิ้งการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า โดยยืนยันว่า "รถยนต์ไฟฟ้าคืออนาคตของอุตสาหกรรมยานยนต์ และเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตของ BMW" ซึ่งหมายความว่า ในอนาคตอันใกล้นี้ เราจะได้เห็นรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ๆ ภายใต้แบรนด์ Neue Klasse จาก BMW อย่างแน่นอน

Luca de Meo ซีอีโอของ Renault เตือนว่าการแบนรถยนต์สันดาปอาจทำให้เกิดการสูญเสียงานจำนวนมากในอุตสาหกรรมยานยนต์ อีกทั้งสมาคมผู้ผลิตรถยนต์ยุโรป (ACEA) เรียกร้องให้ EU กำหนดเป้าหมายการลดการปล่อยมลพิษที่ยืดหยุ่นมากขึ้น และสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีที่หลากหลาย

EU มีกำหนดการทบทวนเป้าหมายในปี 2035 อีกครั้งในปี 2026 ซึ่งคาดว่าจะมีการถกเถียงและเจรจาอย่างเข้มข้นระหว่างผู้กำหนดนโยบายและผู้นำในอุตสาหกรรม เพื่อหาทางออกที่ดีที่สุดในการลดคาร์บอนในภาคยานยนต์ โดยคำนึงถึงผลกระทบต่ออุตสาหกรรมและความมั่นคงทางเศรษฐกิจของยุโรปควบคู่กันไป

มาตรการของ EU ที่จะแบนรถยนต์สันดาปในปี 2035 เป็นเรื่องที่ต้องคิดให้รอบคอบและพิจารณาหลายด้าน เพราะแม้จะมีเป้าหมายเพื่อลดการปล่อยมลพิษ แต่กลับทำให้ยุโรปต้องพึ่งพาจีนในเรื่องแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้ามากเกินไปซึ่งอาจส่งผลกระทบอย่างรุนแรงกับอุตสาหกรรมยุโรปได้

ที่มา : ArenaEV

related