SHORT CUT
Nissan ค่ายรถญี่ปุ่นที่ต้องยอมรับว่าเทรนด์รถยนต์ไฟฟ้ทำให้นิสสันต้องปรับตัว ล่าสุดนิสสันได้ประกาศเลิกผลิตเครื่องยนต์ และจะมุ่งหน้าพัฒนารถไฮบริดและรถยนต์ไฟฟ้าต่อไป
Nissan เลิกผลิตเครื่องยนต์สันดาป ประกาศความมุ่งมั่นในการพัฒนารถไฮบริดและรถยนต์ไฟฟ้าอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งได้ยืนยันว่าจะหยุดลงทุนทั้งหมดในการพัฒนาเครื่องยนต์สันดาปใหม่
นิสสัน ถือเป็นตัวอย่างของแรงกระเพื่อมที่ทำให้วงการอุตสาหกรรมรถทั่วโลกหันมาสนใจกลยุทธ์ใหม่ของค่ายญี่ปุ่นที่เปลี่ยนไป ซึ่งนิสสันเองได้ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์นี้เพื่อเปิดรับการร่วมมือกับบริษัทผู้พัฒนารถยนต์ไฟฟ้าต่างๆได้อย่างเต็มที่
ปัจจุบันทางนิสสันจะยังคงใช้ระบบไฮบริด e-Power ต่อไป ซึ่งบริษัทได้เปิดเผยว่าเทคโนโลยีที่มีอยู่แล้วนี้ จะสามารถค่อยๆยุติการใช้เครื่องยนต์สันดาปแบบเดิมๆไปได้
สำหรับๆแฟนคลับแบรนด์นิสสันที่ชื่นชอบในเรื่องอัตราเร่งที่เป็นเอกลักษณ์ของนิสสันก็ไม่ต้องเป็นกังวลไป เพราะ Nissan Ariya Nismo ได้เปิดตัวมาพร้อมระบบไฮบริด e-4ORCE กับพละกำลัง 435 แรงม้า ซึ่งแน่นอนว่าสามารถตอบโจทย์ในเรื่องอัตราเร่งได้ดีไม่ต่างกับเครื่องยนต์สันดาปแบบเดิมๆ
อย่างไรก็ตาม Nissan เองยังไม่ได้เปิดเผยเกี่ยวกับข่าวสารรถสปอร์ตในตำนานอย่าง Nissan GT-R เวอร์ชันล่าสุดว่าจะออกมาในรูปแบบไหน ซึ่งอาจจะมีทั้งรุ่นไฮบริด e-Power และรถยนต์ไฟฟ้า 100% ก็เป็นไปได้
แนวคิดและกลยุทธ์ของ Nissan นั้นน่าสนใจ เพราะมีความแตกต่างกับฝั่ง Toyota, Subaru และ Mazda ที่กำลังเร่งพัฒนาเครื่องยนต์สันดาปมากยิ่งขึ้น แต่ทางนิสสันเองยังคงจะใช้เทคโนโลยีเดิมอย่าง e-Power ต่อไปและไปมุ่งพัฒนา EV แทน
สรุปได้ว่าการที่ Nissan ออกมาประกาศเลิกผลิตรถสันดาป อาจทำให้การพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าของนิสสันรวดเร็วขึ้น การร่วมมือของผู้ผลิตจะทำได้ง่ายกว่าเดิม และนั่นจะทำให้เครือ Nissan-Renault-Mitsubishi Alliance ที่มีการร่วมมือกันสามารถพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าได้เร็วกว่าเดิมนั่นเอง
ข่าวสารเหล่านี้ทำให้แฟนๆนิสสันอาจมีลุ้นว่าจะได้เห็นตัวจริงของ Nissan Hyper Force รถไฮเปอร์คาร์ไฟฟ้าคันแรกของแบรนด์ได้เร็วขึ้นกว่าเดิม และอีกไม่นานเชื่อว่าจะได้เห็น Nissan GT-R ไฟฟ้าในเร็วๆนี้ด้วย
ส่วนรถไฮบริดของนิสสันเช่น Nissan Kicks หรือ Nissan Ariya ยังคงทำการตลาดได้และตอบโจทย์ผู้ใช้งานเพียงพอแล้ว ก็จะยังคงทำยอดขายในตลาดได้ต่อไปโดยไม่ต้องพัฒนาเครื่องยนต์สันดาปออกมาใหม่
Nissan ถือเป็นแบรนด์ญี่ปุ่นยักษ์ใหญ่ที่ต้องการปรับเปลี่ยนไปในแนวทางของตัวเอง เทคโนโลยีไฮบริด e-Power อาจเพียงพอต่อตลาดแล้ว
ซึ่งหากมาดูจากฝั่งคู่แข่งที่กำลังเร่งพัฒนาเครื่องยนต์อย่าง Toyota, Mazda และ Subaru ก็อาจต้องมาแข่งขันกันในเรื่องลดมลภาวะสิ่งแวดล้อมให้ตอบโจทย์กับนโยบายรัฐบาลทั่วโลก
ที่มา : carbuzz