ฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 โฉมใหม่ ไฉไลกว่าเดิม

หลายคนคงคุ้นเคยกับผลิตภัณฑ์ที่ติดฉลากเบอร์ 5 กันมาบ้างแล้ว หากจะถามว่าฉลากเบอร์ 5 อยู่คู่กับคนไทยมานานเท่าไหร่ ก็ต้องบอกว่า มากกว่า 30 ปี ที่ฉลากเบอร์ 5 เป็นเครื่องหมายการันตีการประหยัดพลังงานของเครื่องใช้ไฟฟ้าและผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ซึ่งหมายถึงการประหยัดค่าไฟ และยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

จุดเริ่มต้นของฉลากเบอร์ 5 เริ่มจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หรือ กฟผ. ได้จัดทำภารกิจการจัดการด้านการใช้ไฟฟ้า (Demand Side Management หรือ DSM) หรือการรณรงค์ส่งเสริมให้ประชาชนใช้ไฟฟ้าอย่างประหยัดและมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเปิดตัวอย่างเป็นทางการปี 2536 ภายใต้โครงการชื่อ “ประชาร่วมใจ ประหยัดไฟฟ้า” ซึ่งการส่งเสริมและพัฒนาโครงการฉลากไฟฟ้าเบอร์ 5 มีเป้าหมายในการรณรงค์ ส่งเสริมให้เกิดการใช้พลังงานไฟฟ้า อย่างรู้คุณค่า และมีประสิทธิภาพ ตลอดวงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์ เพื่อความยั่งยืน ด้านทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อมและพลังงาน

โดย กฟผ. ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์สำหรับติดฉลากเบอร์ 5 อย่างต่อเนื่อง และขยายผลิตภัณฑ์นอกเหนือจากเครื่องใช้ไฟฟ้าเป็นผลิตภัณฑ์ประเภทอื่น ๆ ได้แก่ ข้าวกล้องเบอร์ 5, เสื้อผ้าและผ้าเบอร์ 5, ผ้าม่านเบอร์ 5, ชุดนักเรียนเบอร์ 5 และจักรยานยนต์ไฟฟ้าเบอร์ 5 ขณะเดียวกัน กฟผ. ได้รณรงค์และเชิญชวนให้ทุกครัวเรือนหันมาเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่ติดฉลากเบอร์ 5 กันมากขึ้น เนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพสูง ที่ช่วยประหยัดไฟมากกว่าผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีฉลากได้หลายเท่า อีกทั้งเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ช่วยทำให้โลกของเราน่าอยู่มากยิ่งขึ้น ซึ่งปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองและติดฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 จำนวน 23 ผลิตภัณฑ์

และในปี 2567 กฟผ. จะเปิดตัวผลิตภัณฑ์เบอร์ 5 ใหม่ 3 ผลิตภัณฑ์ด้วยกัน คือ หม้อแปลงไฟฟ้าระบบจำหน่าย แผงเซลล์แสงอาทิตย์ และอินเวอร์เตอร์สำหรับแผงเซลล์แสงอาทิตย์ นอกจากนี้ ในวันที่ 1 มกราคม 2567 ที่จะถึงนี้ ฉลากเบอร์ 5 จะมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบใหม่ ที่มีความทันสมัยมากขึ้น แต่ยังคงโทนสีเหลืองเขียวเหมือนเดิม เพื่อให้สอดคล้องกับแนวโน้มการบริโภคสินค้า และบริการของคนรุ่นใหม่ ที่มีการเลือกใช้สินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น พร้อมทั้งปรับภาพลักษณ์ของฉลากฯ ให้เหมาะสม เข้ากับยุคเทคโนโลยีดิจิทัล และสร้างคุณค่าเพิ่มให้กับฉลากฯ และทุก Eco-system

หลายคนคงสังสัยว่า แล้วฉลากเบอร์ 5 โฉมใหม่ แตกต่างจากเดิมอย่างไร? คำตอบ คือ

1. เพิ่มระดับประสิทธิภาพ จากสูงสุด 3 ดาว เป็นสูงสุด 5 ดาว 
2. แสดงค่าการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ( CO₂ ) ในช่วงใช้งาน
3. เพิ่มสัญลักษณ์กระบวนการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ตามหลักการ Circular Economy
4. เพิ่มสแกน QR Code เพื่อให้ผู้บริโภคเข้าถึงข้อมูลผลิตภัณฑ์ได้อย่างรวดเร็ว และรับรู้ข้อมูลได้มากกว่าข้อมูลที่แสดงบนฉลาก

ใครที่กำลังมีแผนจะซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า อย่าลืมเลือกผลิตภัณฑ์ที่ติดฉลากเบอร์ 5 ยิ่งดาวเยอะ ยิ่งประหยัดไฟ !!