พพ. ปลื้ม! โครงการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานฯ ช่วยผู้ประกอบการขนส่งประหยัดพลังงาน 50.7 ล้านบาทต่อปี ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 10,247 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี (tCO2e/ปี) เดินหน้ารับมือภาวะโลกร้อนอย่างยั่งยืน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) เป็นประธานในพิธีเปิดการสัมมนาแถลงผลสำเร็จ “โครงการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานในผู้ประกอบการขนส่งสินค้าและผู้โดยสาร ปี 2564” เปิดเผยว่า จากการกำหนดเป้าหมายของประเทศไทยตามการประกาศเจตจำนงในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยมีเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี ค.ศ.2050 และเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี ค.ศ.2065 ซึ่ง พพ. เป็นหน่วยงานที่มีภารกิจในการส่งเสริมและสนับสนุนการอนุรักษ์พลังงาน ได้เร่งให้มีการอนุรักษ์พลังงานในภาคขนส่ง ซึ่งเป็นภาคที่มีการใช้พลังงานสูงที่สุด หรือกว่าร้อยละ 38 ของการใช้พลังงานทั้งประเทศ โดยมุ่งเน้นให้ภาคขนส่งมีการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพผ่านโครงการต่างๆ มาโดยตลอด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
กพช. ลดเก็บเงินเข้ากองทุนอนุรักษ์พลังงาน เหลือ 5 สต. พยุงราคาน้ำมัน
ดร.ประเสริฐ กล่าวว่า พพ. ได้ดำเนินโครงการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานในผู้ประกอบการขนส่งสินค้าและผู้โดยสาร ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน เป็นโครงการสนับสนุนทางด้านการเงินในการดำเนินมาตรการด้านอนุรักษ์พลังงานของผู้ประกอบการขนส่ง โดยมาตรการที่ผ่านการพิจารณาตามหลักเกณฑ์ของโครงการ ที่ต้องมีผลประหยัดพลังงานและมีระยะเวลาคืนทุนไม่เกิน 7 ปี ซึ่งผู้ประกอบการที่ผ่านหลักเกณฑ์และได้เข้าร่วมโครงการจะได้รับการสนับสนุนเงินลงทุนไม่เกินร้อยละ 30 ของค่าอุปกรณ์และการติดตั้ง สูงสุดไม่เกิน 1 ล้านบาทต่อแห่ง สำหรับผู้ประกอบการที่ได้เข้าร่วมโครงการในปีนี้ มีจำนวนรวมทั้งสิ้น 12 ราย
โดยแบ่งเป็นผู้ประกอบการขนส่งสินค้าจำนวน 10 ราย และเป็นผู้ประกอบการขนส่งผู้โดยสารจำนวน 2 ราย และผลจากการดำเนินมาตรการพบว่า สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ 10,247 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี (tCO2e/ปี) ซึ่งคิดเป็นพลังงานที่ประหยัดได้ 2.084 พันตันเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อปี (ktoe/ปี) คิดเป็นมูลค่าผลประหยัดพลังงานรวม 50.7 ล้านบาทต่อปี จากเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 31.3 ล้านบาท โดยคิดเป็นผลประหยัดพลังงานเฉลี่ยร้อยละ 25 และมีระยะเวลาคืนทุนเฉลี่ย 0.62 ปี จากรถที่เข้าร่วมโครงการทั้งหมดจำนวน 469 คัน
ดร.ประเสริฐ กล่าวเพิ่มเติมว่า การจัดสัมมนาในวันนี้ นับว่าเป็นผลสำเร็จของโครงการในมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพพลังงานในภาคขนส่งสินค้าและผู้โดยสารใน 5 กลุ่มมาตรการ ของผู้ประกอบการทั้ง 12 ราย ที่เข้าร่วมโครงการ ได้แก่ 1) มาตรการเปลี่ยนชนิดเชื้อเพลิงเป็น LNG จำนวน 7 ราย 2) มาตรการปรับเปลี่ยนมาใช้หางรถพ่วงบรรทุกที่มีน้ำหนักเบา จำนวน 1 ราย 3) มาตรการปรับเปลี่ยนระบบเครื่องยนต์สันดาปโดยการดัดแปลงเป็นรถ EV จำนวน 1 ราย 4) มาตรการพัฒนาระบบบริหารจัดการการขนส่ง จำนวน 2 ราย และ 5) มาตรการปรับปรุงตัวถังรถตามหลัก Aerodynamic และการใช้วัสดุน้ำหนักเบาแทนวัสดุเดิม จำนวน 1 ราย
นอกจากนี้ยังได้เผยแพร่ผลการดำเนินโครงการ ภายใต้โครงการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานในผู้ประกอบการขนส่งสินค้าและผู้โดยสาร เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์องค์ความรู้ตลอดจนความเข้าใจในเทคโนโลยีการอนุรักษ์พลังงานที่มีความน่าสนใจทั้งในปัจจุบันและในอนาคต รวมทั้งเป็นอีกหนึ่งกลไกในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ด้านพลังงานในการลดการปล่อยคาร์บอนหรือก๊าซเรือนกระจกของประเทศ และนำไปสู่ความยั่งยืนต่อไป