svasdssvasds

“นฤมล ภิญโญสินวัฒน์” โชว์วิสัยทัศน์เกษตรลดโลกร้อน หนุนทำนาแห้งสลับเปียก

“นฤมล ภิญโญสินวัฒน์” โชว์วิสัยทัศน์เกษตรลดโลกร้อน หนุนทำนาแห้งสลับเปียก

“นฤมล” เขียนบทความเกี่ยวกับแนวทางการลดโลกร้อนในภาคการเกษตร ด้วยการทำนาแห้งสลับเปียก เผยแพร่ในเวที WEF2025 แสดงบทบาทนำของไทยด้าน sustainable rice production เพื่อสู้กับ climate change

SHORT CUT

  • การผลิตข้าวทั่วโลกปล่อยก๊าซเรือนกระจกคิดเป็น 1.5% ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งหมด ซึ่งใกล้เคียงกับอุตสาหกรรมการบินทั้งหมด
  • สาเหตุหลักมาจากการใช้ปุ๋ยที่ไม่มีประสิทธิภาพและแบคทีเรียในนาข้าวน้ำขัง แต่วิกฤตนี้กลับกลายเป็นโอกาสในการพัฒนาระบบการผลิตอาหารที่ยั่งยืนยิ่งขึ้น

  • “นฤมล นฤมล ภิญโญสินวัฒน์” โชว์วิสัยทัศน์เกษตรลดโลกร้อน หนุนทำนาแห้งสลับเปียก

“นฤมล” เขียนบทความเกี่ยวกับแนวทางการลดโลกร้อนในภาคการเกษตร ด้วยการทำนาแห้งสลับเปียก เผยแพร่ในเวที WEF2025 แสดงบทบาทนำของไทยด้าน sustainable rice production เพื่อสู้กับ climate change

ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร่วมกับ Tania Strauss, Head of Food and Water, WEF รวมกันเขียนบทความ เรื่อง “ASEAN leadership to bend the curve on climate by strengthening food systems” เผยแพร่ในเว็บไซต์ของ WEF เมื่อวันที่ 21 มกราคม 2568 เพื่อแสดงวิสัยทัศน์ของประเทศไทยในการเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงการผลิตข้าว เพื่อลดผลกระทบจาก climate change โดยมีเนื้อหาสรุปได้ดังนี้

 

อาเซียนรับมือวิกฤตสภาพอากาศด้วยการปฏิวัติการทำนาแบบยั่งยืน

ในขณะที่โลกกำลังเผชิญกับความท้าทายด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังนำเสนอทางออกที่น่าสนใจผ่านการปฏิวัติการทำนาแบบยั่งยืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศไทยและเวียดนาม ซึ่งเป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ของโลก ที่รวมกันครองส่วนแบ่งการส่งออกข้าวทั่วโลกเกือบหนึ่งในสามจากปัญหาสู่โอกาส

การผลิตข้าวทั่วโลกปล่อยก๊าซเรือนกระจกคิดเป็น 1.5% ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งหมด ซึ่งใกล้เคียงกับอุตสาหกรรมการบินทั้งหมด สาเหตุหลักมาจากการใช้ปุ๋ยที่ไม่มีประสิทธิภาพและแบคทีเรียในนาข้าวน้ำขัง แต่วิกฤตนี้กลับกลายเป็นโอกาสในการพัฒนาระบบการผลิตอาหารที่ยั่งยืนยิ่งขึ้น

การปฏิวัติเขียวครั้งที่สอง

หลังจากการปฏิวัติเขียวครั้งแรกในช่วงกลางศตวรรษที่ 20 ที่เน้นการเพิ่มผลผลิตผ่านการใช้ปุ๋ยเคมี ปัจจุบันภูมิภาคนี้กำลังก้าวสู่การปฏิวัติเขียวครั้งที่สอง ที่ผสมผสานภูมิปัญญาดั้งเดิมเข้ากับเทคโนโลยีสมัยใหม่ เพื่อสร้างระบบอาหารที่ยั่งยืนสำหรับประชากรที่เพิ่มขึ้นนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน

เทคนิคการทำนาแบบยั่งยืนที่น่าสนใจ ได้แก่:

  • การทำนาแบบเปียกสลับแห้ง (AWD) ที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 70%
  • การหยอดเมล็ดโดยตรง ที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 40%
  • ระบบการเพิ่มความเข้มข้นของข้าว (SRI) ที่เพิ่มผลผลิตได้ 20-100% ในขณะที่ลดการใช้น้ำลงครึ่งหนึ่ง

ประเทศไทย: ผู้นำการเปลี่ยนแปลง

ประเทศไทยได้แสดงความเป็นผู้นำในการพัฒนาการทำนาที่ยั่งยืนผ่านโครงการ Thai Rice NAMA ที่ครอบคลุมพื้นที่กว่า 500,000 เฮกตาร์ และในปี 2567 ได้ขยายโครงการเพิ่มเป็น 750,000 เฮกตาร์ พร้อมทั้งประกาศเข้าร่วม First Movers Coalition for Food ในการประชุม World Economic Forum 2568

ก้าวต่อไปสู่อนาคต

การเปลี่ยนแปลงสู่การทำนาที่ยั่งยืนไม่เพียงแต่จะช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังช่วยเพิ่มความมั่นคงทางอาหารและรายได้ให้แก่เกษตรกรรายย่อยกว่า 70 ล้านคนในภูมิภาค ความสำเร็จนี้จะเกิดขึ้นได้ต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างภาครัฐ เอกชน และองค์กรระหว่างประเทศในการสนับสนุนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน การพัฒนานโยบาย และการฝึกอบรมเกษตรกร

สำหรับ ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ปัจจุบันดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร และหัวหน้าพรรคกล้าธรรม เธอสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอก ในด้านการเงินจาก Wharton School, University of Pennsylvania อดีตรองคณบดีฝ่ายวิชาการ สถาบันฯ เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการเงิน การบริหารความเสี่ยง และนโยบายสาธารณะ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

related