เมื่อน้ำแข็งก่อตัวช้าในฤดูหนาว หมีขั้วโลกจึงใช้เวลาอยู่บนบกนานขึ้น จนกระทั่งไขมันสำรองในร่างกายหมด สัญชาตญาณความเป็นสัตว์ป่ากลับมา จึงบุกทำร้ายคู่สามีภรรยา และท้ายที่สุดถูกยิงเสียชีวิต
เรื่องราวนี้เกิดขึ้นที่ประเทศแคนาดา สามีภรรยาคู่หนึ่งประจันหน้ากับหมีขั้วโลกที่บริเวณทางเข้าบ้านในช่วงเช้าตรู่ของวันอังคารที่ผ่านมา จู่ ๆ หมีขั้วโลกก็พุ่งเข้าโจมตีคนภรรยาล้มลงไปกองกับพื้น
สามีเห็นดังนั้น จึงกระโจนเข้าใส่หมีขั้วโลกเพื่อเข้าไปช่วย ปลุกปล้ำ ห้ำหั่นกัน จนเพื่อนบ้านได้ยินเสียงต่อสู้จึงคว้าปืนออกไปกระหน่ำยิงใส่หมีจนมันต้องโซเซหนีไป
เจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางมายังจุดเกิดเหตุ และทำการค้นหาบริเวณโดยรอบก็พบเข้ากับร่างไร้วิญญาณของหมีขั้วโลกที่นอนเสียชีวิตอยู่ในป่าไม่ไกลจากจุดเกิดเหตุ ฝ่ายภรรยาไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรมาก แต่สามีมีบาดแผลฉกรรจ์ที่แขนขา และกำลังอยู่ในช่วงรักษาตัว
สามีภรรคู่นี้อาศัยอยู่ที่ Forst Severn Nation ซึ่งเป็นที่อยู่ของชาวพื้นเมือง และเป็นชุมชนทางตอนใต้ของอ่าวฮัดสัน มีประชากรอยู่ราว ๆ 401 คน 90 หลังคาเรือน แถมยังเป็นจุดที่มีหมีขั้วโลกมากที่สุดแห่งหนึ่งในแคนาดา
แอนดรูว์ เดอโรเชอร์ ศาสตราจารย์ด้านชีววิทยาจากมหาวิทยาลัยอัลเบอร์ตา เปิดเผยว่า “หมีแต่ละตัวมีลักษณะนิสัยเป็นของตัวเอง บางตัวก็หวาดกลัวมนุษย์ บางตัวก็เฟรนด์ลี่ แต่ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลง เราไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่าหมีจะทำอะไร”
ต้องบอกว่าหมีขั้วโลกเผชิญกับความท้าทายที่เพิ่มมากขึ้นเนื่องจากปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ พวกมันต้องออกมาหาอาหาร และโดยปรกติ เมื่อท้องอิ่ม หมีก็จะไม่ยุ่งอะไรกับมนุษย์
แต่เรื่องก็คือว่า มันยังไม่สามารถกลับบ้านเดิมของมันได้ เนื่องจากน้ำแข็งก่อตัวช้า ทำให้พวกมันต้องเดินเตร็ดเตร่อยู่บนบกต่อไปในช่วงฤดูหนาว และถ้าไม่มีอะไรกิน พวกมันจะเผาเผลาญไขมันสำรองประมาณ 1 กิโลกรัมต่อวัน
เมื่อไรก็ตามที่ไขมันสำรองหมด พฤติกรรมหมีขั้วโลกจะเปลี่ยน ความระมัดระวังตัว สัญชาติญาณสัตว์ป่าก็จะกลับมา ซึ่งอาจก่อให้เกิดเหตุการณ์รุนแรงเฉกเช่นกรณีที่ SPRiNG หยิบยกมาเล่าสู่กันฟัง คุณคิดเห็นอย่างไรบ้างกับกรณีนี้
ที่มา: The Guardian