SHORT CUT
เผยสำรวจพะยูนพบแค่ 70-80 ตัว จากที่เคยเชื่อว่ามี 200 กว่าตัว
ปัญหาสิ่งแวดล้อมไทยยังน่าห่วง ทั้งโลกเดือด และไฟป่า ฝุ่นควัน ล่าสุดน่าห่วงสถานการณ์ทะเลเดือด-รวน พร้อมเร่งหาสาเหตุหญ้าทะเลตายทั้งอ่าวไทย-อันดามัน เกิดจากเขื่อน หรือโลกร้อน เผยสำรวจพะยูนพบแค่ 70-80 ตัว จากที่เคยเชื่อว่ามี 200 กว่าตัว
ยอมรับว่าทุกวันนี้อากาศบ้านร้อนมากๆ ร้อนจนหลายคนบอกว่าร้อนเหมือนซ้อมตกนรกกันเลยทีเดียว ปัญหาหลักๆ คือ โลกร้อนขึ้น โลกเดือด ทำทะเลเดือด ทำให้เกิดปัญหาภัยแล้ง และปัญหาสิ่งแวดล้อมอื่นๆตามมา ส่งผลกระทบต่อ คน สัตว์ ธุรกิจ และอื่นๆ มากมาย แน่นอนว่าปัญหาดังกล่าวถ้าไม่เร่งแก้ไข ไทยจะเผชิญกับวิกฤตมากกว่านี้
ล่าสุด ร.อ.รชฏ พิสิษฐบรรณกร ผู้ช่วย รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะผู้แทน พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวปาฐกถาพิเศษหัวข้อ Action for Change : โจทย์ใหญ่เปลี่ยนไทยอย่างไร ให้ยั่งยืน? ว่า ได้มีการลงพื้นที่สำรวจบริเวณทะเลอันดามันของตน ในพื้นที่ จ.ตรัง พังงา กระบี่ เพื่อไปดูว่าความจริงฝีมือมนุษย์ในการสร้างเขื่อน หรือภาวะโลกร้อนทำให้น้ำทะเลมีอุณหภูมิสูงขึ้น ทะเลเดือด ทะเลรวน หรือเกิดจากโรคระบาดที่ทำให้หญ้าทะเลหมดไปไม่มีอาหารให้พะยูน และจากการสำรวจก่อนหน้านี้อ่าวไทยมีพะยูน 200 กว่าตัว มีจริงหรือไม่ ปรากฏว่าในการลงพื้นที่ครั้งล่าสุดไม่เจอพะยูนเลยแม้แต่ตัวเดียว
“จากการสังเกตการณ์ว่าทำไมหญ้าทะเลที่เคยมีในบริเวณนั้น ขณะนี้กลายเป็นหาดทรายไปหมด พอลงไปดูปรากฏว่าไม่มีที่ให้หญ้าทะเลขึ้นเลย เมื่อถามนักวิชาการ ปรากฏว่าปัญหามันเกิดจากการที่เริ่มทำเขื่อนและตะกอนพัดอยู่ในทะเล โดยไม่ได้หายไปไหน และพัดมาทับหญ้าไปทั้งหมด หญ้าจึงขึ้นไม่ได้ และในฝั่งอ่าวไทยหญ้าทะเลก็ตายไปถึง จ.ตราด ตายข้ามฝั่งทะเลทั้งอ่าวไทยและอันดามัน จึงวิเคราะห์ว่าไม่น่าจะเป็นเพราะเขื่อนเพียงอย่างเดียว หากสร้างเขื่อนกั้นก็ต้องเกิดเฉพาะฝั่งอันดามัน แต่เกิดขึ้นทั้งอันดามันและฝั่งอ่าวไทย” ร.อ.รชฏ กล่าว
ทั้งนี้ล่าสุดจากการประเมินก่อนหน้านี้ว่ามีพะยูน 200 กว่าตัว แต่…ล่าสุดจากการใช้โดรนบินลาดตระเวนทุกจังหวัดผลออกมาเราเจอพะยูนประมาณ 70-80 ตัวเท่านั้น ดังนั้นค่อนข้างน่าเป็นห่วงว่าสิ่งที่คิด และเชื่อมั่นว่าเมื่อ 2-3 ปียังเห็นอยู่เลย จ.ตรัง ที่มีสัญลักษณ์เป็นพะยูน ตอนนี้อาจจะไม่ใช่แล้ว อาจจะไม่เหลืออีกต่อไป ถ้าไม่ทำอะไรเลย ซึ่งเรื่องนี้ต้องมาทำการสำรวจใหม่ทั้งหมด
นอกจากนี้ในภาคเหนือในเรื่องไฟป่าน่าเป็นห่วง ตั้งแต่ อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี ขึ้นไปถึงภาคเหนือตั้งแต่ จ.เชียงใหม่ เชียงราย ทำให้เกิดภาวะฝุ่นควันอย่างหนัก รวมทั้งการเผาจากประเทศเพื่อนบ้าน และวิธีแก้ฝุ่นทำอย่างอื่นไม่ได้นอกจากต้องใช้ฝนหลวงอย่างเดียว ฝนหลวงก็ต้องใช้ความชื้น ถ้าความชื้นไม่ถึง 50% ก็ทำฝนหลวงไม่ได้
ปัญหาดังกล่าวได้ทับถมเป็นปัญหาซ้อนปัญหา พอฝุ่นเกิดขึ้นมาก จ.เชียงใหม่ ที่เป็นแอ่งกระทะ ฝุ่นก็กักอยู่อย่างนั้น ซึ่งฝุ่นเกิดทั้งจากไฟป่า การเผาไหม้ทางการเกษตร หรือเกิดจากประเทศเพื่อนบ้าน สำหรับแนวทางแก้ไขปัญหาบางครั้งการจะเปลี่ยนแปลงได้ต้องเริ่มจากจุดเล็กๆ คือตัวเองก่อน เพื่อให้เกิดความยั่งยืน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง