SHORT CUT
ปัญหา Climate Change กำลังทำให้ทะเลในสหรัฐฯ อุ่นขึ้น จนล็อบสเตอร์หนีไปอยู่ในเขตน้ำเย็น ทำให้ในปี 2566 ชาวประมงจับล็อบสเตอร์ได้ต่ำสุดเป็นประวัติการณ์
รัฐเมนเป็นแหล่งอุตสาหกรรมล็อบสเตอร์ที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ ขณะนี้กำลังประสบ2 ปัญหาชวนวิตกคือ ชาวประมงจับล็อบสเตอร์ได้น้อยลงเพราะพวกมันหนีกระแสน้ำอุ่นไปยังเขตน้ำเย็น และอีกสาเหตุคือกฎควบคุมการเดินเรือ-เครื่องมือประมงที่ออกมาเพื่อปกป้องวาฬใกล้สูญพันธุ์
ชาวประมงในสหรัฐฯ รู้สึกเป็นกังวลอย่างมากกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต พวกเขากล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศทำให้น้ำทะเลอุ่นขึ้น ส่งผลให้ล็อบสเตอร์หนีขึ้นไปทางตอนเหนือเพื่อไปหากระแสน้ำเย็น
เมื่อไปดูสถิติการจับล็อบสเตอร์ โดยอ้างอิงข้อมูลจากกรมทรัพยากรทางทะเลรัฐเมน พบว่า ในปี 2566 ชาวประมงจับล็อบสเตอร์ได้ 94.7 ล้านปอนด์ ลดลงจากปี 2565 ราว 5% และเป็นตัวเลขที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 2552
“ในปี 2559 เราเคยจับล็อบสเตอร์ได้ 132 ล้านปอนด์ ปัจจุบันเราจับได้เพียง 94.7 ล้านปอนด์ ฉะนั้น การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศเป็นต้นเหตุของเรื่องนี้อย่างไม่ต้องสงสัย” ชาวประมงในรัฐเมน กล่าว
นอกเหนือจากปัญหาด้านสภาพอากาศที่ส่งผลต่ออุณหภูมิในทะเลแล้ว ชาวประมงยังถูกควบคุมอย่างเข้มงวดจากกฎที่รัฐบาลออกมาเพื่อปกป้องวาฬเสี่ยงสูญพันธุ์จากการถูกเรือชน หรือไปติดกับดักของชาวประมงแบบไม่ตั้งใจ
ชาวประมงในรัฐเมน รวมถึงทั่วสหรัฐฯ เปิดเผยว่า กฎดังกล่าวเข้มงวดเกินไป จนทำให้พวกเขาขยับตัวทำอะไรไม่ได้ ซึ่งไม่แน่ว่าสุดท้ายพวกเขาอาจต้องล้มเลิกกิจการทำประมงไปในที่สุด
ทางฝั่งของนักอนุรักษ์ก็ระบุว่า กฎดังกล่าวเป็นอีกหนึ่งมาตรการสำคัญในการปกป้องชีวิตของวาฬ ซึ่งแม้ปัจจุบันจะมีไม่ถึง 360 ตัวในโลกก็ตาม
กล่าวคือ ปัญหา Climate Change ทำให้อุณหภูมิในท้องทะเลอุ่นขึ้น วิถีชีวิตของสัตว์น้ำก็เปลี่ยนไปเพื่อความอยู่รอด
เคสล็อบสเตอร์อพยพหนีน้ำอุ่น เป็นตัวอย่างชั้นดีที่ทำให้เราฉุกคิดได้ว่าควรลดกิจกรรมทุกอย่างที่ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ มิเช่นนั้น จากที่จับได้น้อยลง อาจกลายเป็นจับไม่ได้เลย
ที่มา: newsday
ข่าวที่เกี่ยวข้อง