โลกเดือดกระทบโลกขนมหวาน ปรากฏการณ์เอลนีโญทำให้แอฟริกาเผชิญหน้าภัยแล้ง ทำให้ปลูกโกโก้ไม่ได้ตามเป้า ล่าสุดโกโก้ตกตันละสองแสนบาท ส่อทำให้กิจการขนมหวานปรับราคาสูงขึ้น
ปีนี้ถูกทำนายว่า โลกจะร้อนทุบสถิติมากกว่าปี 2023 หรือเรียกง่าย ๆ ว่า ร้อนกว่าเดิมหลายเท่า ผลพวงจากเอลนีโญที่ยังคงตัวติดกับเราต่อไปยาว ๆ ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อภาคการเกษตร และอาจทำให้ราคาสินค้าสูงขึ้นตามไปด้วย เฉกเช่นเดียวกับราคาโกโก้ที่แพงขึ้น โดยเพิ่งได้รับการอัปเดตเมื่อไม่นานมานี้
โดยราคาโกโก้ในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ในนิวยอร์กแตะระดับสูงสุดแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โดยขึ้นมามากถึง 5,874 ดอลลาร์ต่อตัน หรือ 209,000 บาทไทย เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา
ผู้ผลิตขนมที่มีส่วนผสมของโกโก้ โดยเฉพาะช็อกโกแลตมีหนาวแน่นอน หลังการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ทำให้แหล่งเก็บเกี่ยวโกโก้หลักในแอฟริกาวิกฤต ปรากฏการณ์เอลนีโญ ทำให้สภาพอากาศแห้งมากขึ้นในกานาและไอวอรีโคสต์ ซึ่ง 2 พื้นที่นี้เป็นผู้ผลิตเมล็ดโกโก้รายใหญ่อันดับ 2 ของโลก
อุณหภูมิที่ร้อนขึ้น ทำให้ปริมาณฝนที่ตกไม่เป็นไปตามเป้า ส่งผลกระทบต่อการเก็บเกี่ยวและปริมาณพืชผล เมื่อผลผลิตไม่ได้ตามเป้าก็ย่อมส่งผลกระทบต่อการส่งออกหลักไปยังผู้ผลิตขนมหวาน
ผู้ผลิตช็อกโกแลตรายใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก อย่าง เฮอร์ชีย์ เผยว่า แม้ทางบริษัทจะไม่ได้ขึ้นราคาสินค้า แต่ก็ยอมรับว่า ต้นทุนของส่วนผสมหลักในการทำช็อกโกแลตตอนนี้เพิ่มขึ้นมาประมาณ 2 เท่า ตั้งแต่ต้นปีแล้ว และหลังประกาศผลประกอบการ ตัวเลขก็แสดงให้เห็นว่า ยอดขายของเฮอร์ชีย์ลดลง 6.6% เนื่องจากผู้บริโภคเองก็ได้รับผลกระทบจากภาวะเงินเฟ้อ ทำให้พวกเขาลดรายจ่ายด้านขนมหวานไป
กลุ่มผู้บริโภคบางรายกล่าวว่า ราคากล่องช็อกโกแลตในช่วงเทศกาลบางแบรนด์เพิ่มขึ้นอย่างน้อย 50% ทำให้พวกเขาไม่กล้าซื้อ ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อโดยรวมของอาหารและเครื่องดื่มในซูเปอร์มาร์เก็ตในสหราชอาณาจักรลดลงในเดือนพฤศจิกายนอยู่ที่ 8.3% แต่ราคาช็อกโกแลตกลับสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญที่ 15.3%
ที่มาข้อมูล
ข่าวที่เกี่ยวข้อง