ชาวอเมริกันกว่า 3 ล้านชีวิต กำลังประสบปัญหาใหญ่ อพยพหนีจากน้ำท่วมจากเมืองชายฝั่ง ไปเจอภัยแล้งเล่นงานอีกระลอก ทำชีวิตปั่นป่วนหนัก!
ชาวอเมริกันหนีน้ำท่วม ไปเจอภัยแล้ง
ย้อนกลับไปเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา องค์การบริหารมหาสมุทรและชั้นบรรยากาศแห่งชาติสหรัฐ (NOAA) ประกาศว่า เอลนีโญ เริ่มต้นอย่างเป็นทางการแล้ว แหงนมองดูสถานการ์รอบ ๆ โลก ก็สอดรับกับคำประกาศของ NOAA อย่างพอเหมาะพอเจาะ ไม่ว่าจะเป็นภัยแล้ง หรือทะเลเดือดที่คร่าชีวิตสัตว์น้ำมากมายหลายชีวิต
ปัญหาดังกล่าวส่งผลต่อเนื่องมายังวิถีชีวิตของประชาชนในสหรัฐ ที่อาศัยอยู่ตามเมืองริมชายฝั่ง กำลังถูกบีบบังคับให้อพยพโยกย้ายไปยังที่อยู่ใหม่ เพราะระดับน้ำทะเลที่หนุนสูงขึ้น เป็นเรื่องที่น่ากังวลสำหรับความปลอดภัยในชีวิต
เรียกว่าเป็นการอพยพครั้งใหญ่สำหรับสังคมอเมริกัน หลังการศึกษาล่าสุด พบว่า ชาวอเมริกันกว่า 3 ล้านชีวิต ต้องอพยพไปยังเมืองหรือรัฐอื่น เพื่อเลี่ยงความเสี่ยงจากภัยพิบัติทางน้ำ
โดยในช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมา พบว่า มีหลายเมือง-รัฐ ที่ประชากรลดฮวบ และไปเพิ่มขึ้นในอีกเมืองหรือรัฐหนึ่ง อาทิ ฟลอริดา เท็กซัส เป็นต้น แถมมีการคาดการณ์ว่า การอพยพโยกย้ายของประชากรอาจส่งผลกระทบถึงเศรษฐกิจ เรียกว่า“เจ็บตัว” อยู่ไม่น้อย
เคราะซ้ำ กรรมซัด! หนีจากน้ำท่วมมาได้แล้วก็จริง แต่ผลกระทบจากภัยแล้ง ก็ยังรุนแรงและชวนปวดหัวอยู่ไม่น้อย เมื่อชาวอเมริกันต้องเจอกับภัยแล้งอีกระลอก ซึ่งหากมองในแว่นของ “ผู้อยู่อาศัยใหม่” หนีเสือปะจระเข้แบบนี้ก็ชวนคิ้วขมวดไม่น้อย
ย้ายไปไหน?
การศึกษาดังกล่าว ถูกตีพิมพ์ในนิตยสาร Nature Communications พบว่า ชาวอเมริกันใน 3 ล้านคนนี้ อพยพย้ายที่อยู่รวม ๆ แล้วเกือบครบทุกรัฐในสหรัฐ แม้แต่ในรัฐเศรษฐกิจ หรือรัฐใหญ่ก็ตาม
ข้อมูลยังระบุอีกว่า พื้นที่ชนบทกว่า 513 แห่ง มีจำนวนประชากรเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ทว่า เมืองระแวกกลับสูญเสียประชากรลง ซึ่งมีแนวโน้มว่าเป็นพื้นที่ ซึ่งเสี่ยงต่อการถูกน้ำท่วม พูดง่าย ๆ คือ คนหนีน้ำท่วมแล้วย้ายไปเมืองอื่นนั่นเอง
3 รัฐที่สูญเสียประชากรมากที่สุดได้แก่
ในช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมา รัฐเท็กซัสมีประชากรเพิ่มขึ้นกว่า 644,000 คน แต่ก็ยังสูญเสียประชากรไปราว 17% ตามการสำรวจข้อมูลประชากรของ First Street
ทั้งนี้ รัฐอื่น ๆ ที่สูญเสียประชากรจากภัยแล้ง-น้ำท่วม ได้แก่ เคาท์ตี อิลลินอยส์ เอลแพโซ
ที่มา: cbsnews
เนื้อหาที่น่าสนใจ