ปาดเหงื่อกันรุ่นต่อรุ่น! นักวิทย์เตือน โลกร้อนจะอยู่กับเราไปอีก 50,000 ปี แก้ไม่ได้ แต่บรรเทาได้ ชวนรู้จักยุค Anthropocene ยุคปัจจุบันของมนุษย์โลกร้อน
เรื่องโลกร้อนไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นปัญหาใหญ่ที่เราไม่ยอมแก้กันสักที คือต้องเล่าย้อนกลับไปในปี 2000 หรือ พ.ศ. 2543 นักวิทยาศาสตร์ชีววิทยาคนหนึ่งนามว่า พอล ครูตเซน (Paul Crutzen) ณ ขณะนั้น เขามีชื่อเสียง ได้รับการกล่าวขานมากที่สุดในโลก เพราะเป็นผู้รับรางวัลโนเบล จากผลงานชื่อดังหลายชิ้น อาทิ เรื่องราวของหลุมโอโซนและทฤษฎีผลกระทบของฤดูหนาวนิวเคลียร์ (Nuclear Winter)
ในเดือนกุมภาพันธ์ ครูตเซนได้ลุกขึ้นพูดที่โครงการธรณีสเฟียร์-ชีวมณฑลนานาชาติเม็กซิโก (The International Geosphere-Biosphere Programme หรือ IGBP) สิ่งที่เขาได้ขึ้นพูดนั้น เป็นการด้นสด แต่ได้รับความสนใจไม่น้อยและถูกเผยแพร่อย่างกว้างขวาง แต่ ณ ขณะนั้นก็เป็นเพียงแค่ทฤษฎีเท่านั้น
โดยครูตเซนได้พูดถึง ยุคใหม่ที่มนุษย์กำลังสร้างขึ้นในอนาคต ที่ชื่อว่า ยุค Anthropocene เป็นยุคทางธรณีวิทยาใหม่ เป็นตัวแทนของโลกที่เปลี่ยนแปลงไปโดยผลกระทบของมนุษยชาติที่พัฒนาแล้ว
ครูตเซนบอกว่า ดาวเคราะห์ของเราในยุคนั้นจะมีกิจกรรมต่าง ๆ ที่มีส่วนทำให้การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศรุนแรงขึ้น เช่น การตัดไม้ทำลายป่าอย่างมหาศาล เขื่อนที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในแม่น้ำสายใหญ่ของโลก การประมงที่มากเกินไป วัฏจักรไนโตรเจนของโลกที่เต็มไปด้วยการใช้ปุ๋ย และการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของก๊าซเรือนกระจก ซึ่งทั้งหมดนี้ ครูตเซนพูดไว้เมื่อปี 2000 นะ แต่ตรงกับปัจจุบันเป๊ะ
ยุคดังกล่าวกำลังก่อร่างสร้างตัวในยุคปัจจุบัน จากหลักฐานและรายงานทางวิทยาศาสตร์มากมายที่เผยแพร่ออกมาในปีนี้ แม้จะยังไม่ถูกประกาศออกมาอย่างเป็นทางการ แต่นิยามนี้ก็ถูกใช้อย่างแพร่หลาย
แต่อย่างไรก็ตาม ยุคปัจจุบันซึ่งถูกเรียกอย่างเป็นทางการยังคงเป็นยุคโฮโลซีน (Holocene) ซึ่งเริ่มต้นเมื่อประมาณ 11,700 ปีก่อน (ประมาณ 8,000 ปีก่อนคริสตกาล) หลังจบยุคน้ำแข็งครั้งสุดท้าย
เรื่องนี้นักวิทยาศาสตร์กำลังถกเถียงกันอยู่ และสหพันธ์วิทยาศาสตร์ธรณีวิทยาระหว่างประเทศ (IUGS) ซึ่งเป็นองค์กรระหว่างประเทศที่ตั้งชื่อและกำหนดยุคสมัยต่าง ๆ ก็ยังไม่มีประกาศใช้คำนี้อย่างเป็นทางการ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เปิด 5 แหล่งท่องเที่ยว ที่อาจหายไปตลอดกาล หากปัญหาโลกร้อนไม่ได้รับการแก้ไข
ช้างในซิมบับเวล้มตายหลายสิบตัว หลังภัยแล้งทำขาดแคลนน้ำ ผลพวงภาวะโลกเดือด
ดังนั้น หาก IUGS ต้องการประกาศยุคใหม่ แอนโทรโปซีน IUGS จะต้องตอบให้ได้ว่า ระบบของโลกเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร ยุคนี้เริ่มขึ้นเมี่อไหร่ แต่เบื้องต้นมีการหารือกันว่า ยุคแอนโทรโปซีนอาจจะเริ่มตั้งแต่การปฏิวัติอุตสาหกรรมในช่วงทศวรรษที่ 1800 โดยเป็นช่วงที่กิจกรรมของมนุษย์ส่งผลกระทบต่อชั้นบรรยากาศโลก
หากสังเกตหรือติดตามข่าวสารจะพบว่าตั้งแต่ปี 2022 มีข่าวออกมาอย่างสม่ำเสมอของการทำลายสถิติ ไม่ว่าจะเป็นอุณหภูมิโลกพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบ 120,000 ปี ภัยพิบัติบางประเทศรุนแรงทุบสถิติในรอบหลายร้อยปี ปริมาณก๊าซเรือนกระจกในชั้นบรรยากาศโลกมีมากจนทุบสถิติ หรือทวีปน้ำแข็งละลายมากที่สุดในประวัติศาสตร์
ความร้อนไม่ได้ส่งผลแค่ทำให้น้ำแข็งขั้วโลกละลาย น้ำจืดเหือดแห้ง สัตว์ป่าล้มตายเท่านั้น แต่มันยังสามารถสร้างมีเทนขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศได้ด้วย โดยมีสาเหตุมาจากพืชพรรณที่เน่าเปื่อยในพื้นที่ชุ่มน้ำเขตร้อนมีปริมาณมากขึ้น
นักวิทย์ได้สร้างแบบจำลองผลกระทบของกลไกโลก ที่จากเดิมกระแสลม-น้ำ/ อุ่น-เย็น เคลื่อนหมุนอยู่ในชั้นบรรยากาศโลกอย่างสมดุลมานานหลายศตวรรษ แต่เมื่อเข้าสู่ยุคอุตสาหกรรม การหมุนวนนั้นเริ่มเปลี่ยนแปลงไป และถูกแทนที่ด้วยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จำนวนหนึ่งล้านล้านตัน
แบบจำลองเผยว่า สภาพอากาศใหม่นี้ (การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศในปัจจุบัน) จะหยุดชะงักและเป็นอย่างนี้เป็นเวลาอย่างน้อย 50,000 ปี หรืออาจนานกว่านั้น ซึ่งนี่คือสายพานสำคัญที่จะเปลี่ยนแปลงโลกของเราจนไม่อาจย้อนกลับมาแก้ไขได้
ที่มาข้อมูล
ข่าวที่เกี่ยวข้อง