14 ธ.ค. 1503 คือวันเกิดของ "นอสตราดามุส" โหราพยากรณ์ชาวฝรั่งเศส ผู้ทำนายทายทักถึงเหตุการณ์ในอนาคตได้อย่างแม่นยำจนน่าขนลุก Spring News ชวนรู้จักเขาผู้นี้ และย้อนดูคำทำนายในปี 2023 เกิดขึ้นจริงไหม พร้อมเปิดคำทำนายปี 2024 มีอะไรบ้าง?
นอสตราดามุสคือใคร?
มิเชล เดอ นอสเทอร์ดาม หรือที่คุ้นหูกันในชื่อ “นอสตราดามุส” คือเภสัชกรและโหราพยากรณ์ชาวฝรั่งเศส มีชีวิตอยู่ในศตวรรษที่ 16 และเป็นผู้เขียนหนังสือที่ชื่อว่า “Les Propheties” ซึ่งเป็นหนังสือเกี่ยวกับการทำนายอนาคตในภายภาคหน้า ซึ่งหลายเรื่องก็แม่นยำจนชวนขนลุก
นอสตราดามุสเกิดวันที่ 14 ธ.ค. 1503 และเสียชีวิตในวันที่ 2 ก.ค. 1566 สิริอายุแค่ 63 ปี เท่านั้น ไม่ใช่เรื่องแปลกนักที่ชื่อของเขายังคงถูกพูดถึงกันถึงทุกวันนี้ เพราะเนื้อหาในหนังสือ Les Propheties ได้ทำนายทายทักเหตุการณ์ในอนาคตได้อย่างแม่นยำ
ไม่ว่าจะเป็นก่อการร้าย 9/11 ในปี 2001 การมีอยู่ของอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ การแพร่ระบาดของโควิด-19 สภาวะโลกร้อน หรือแม้กระทั่ง “วันสิ้นโลก”
หลังจากที่หนังสือเล่มนี้ถูกตีพิมพ์ (ปี 1555) นับแต่นั้นเป็นต้นมา คำทำนายของนาสตราดามุสก็หลอกหลอน มัวเมา ผู้คนมาร่วม 500 ปี แต่เหตุที่ยังสามารถมัวเมาผู้คนได้ก็เพราะความแม่นยำของคำทำนายที่ดันตรงกับเหตุการณ์จริงในประวัติศาสตร์
เนื่องในวันเกิดของโหราพยากรณ์ผู้นี้ Spring พาย้อนดูคำทำนายของเขาในปี 2023 ที่กำลังจะผ่านไป และคำทำนายของปี 2024 นอสตราดามุสว่าไว้อย่างไร สรุปแล้วเขาแม่นจริงหรือมั่วนิ่ม?
ก่อนจะเข้าสู่พาร์ทคำทำนาย ผู้เขียนขอสร้างเงื่อนไขเล็กน้อยตรงนี้ก่อนว่า ให้เสพคำทำนายเป็นแค่คำทำนาย มิควรเทใจเชื่อ 100% เพราะคำทำนายเหล่านี้ไม่มีข้อพิสูจน์ที่ตรวจสอบและยืนยันได้
ดังนั้น ให้เสพเนื้อหาด้านล่างเป็นเพียงงานเขียนบันเทิงอารมณ์ประเภทหนึ่ง จะได้อ่านได้สนุกและออกรสออกชาติมากยิ่งขึ้น หากพร้อมแล้ว ขอเชิญทุกท่านเข้าสู่โลกของแห่งจินตนาการของ “นอสตราดามุส” กันตั้งแต่ตรงนี้เป็นต้นไป
คำทำนายปี 2023 เกิดขึ้นจริงไหม?
“Seven months into the Great War, people dead of evil-doing”
“สงครามครั้งใหญ่ยาวนาน 7 เดือน ผู้คนจักล้มตายเพราะความชั่วร้าย”
หากพินิจกันอ้างอิงกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน สงครามที่ยังคงระอุ รุนแรง และมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นทุกวัน ๆ มีอยู่ 2 สมรภูมิคือ สงครามรัสเซีย-ยูเครน และ สงครามอิสราเอล-ฮามาส
2 มหาสงครามที่มีผู้บริสุทธิ์บาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก และยังไม่มีวี่แววว่าจะยุติการรบแต่อย่างใด แล้วตัวเลข 7 เดือนแม่นยำหรือไม่? ต้องบอกว่าสงครามทั้งสองเป็นปัญหาที่ยืดเยื้อกันมาเป็นเวลานานของประเทศปรปักษ์
ตัวเลขที่นอสตราดามุสอาจเขียนลงในท่อนนี้ อาจเป็นการนิยามถึงความยาวนานของสงคราม “ผู้คนจักล้มตายเพราะความชั่วร้าย” เป็นดั่งโหราพยากรณ์ผู้นี้ว่าไว้ เพราะขณะนี้ สงครามอิสราเอล-ฮามาส คร่าชีวิตผู้บริสุทธิ์ไปแล้ว 3 หมื่นชีวิต ส่วนสงครามรัสเซีย-ยูเครน ขณะนี้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 315,000 ชีวิต
ฉะนั้น ขยักคำทำนายแรกของนอสตราดามุสถือว่ามีเค้าโครงความจริง แต่อย่างที่เกริ่นไว้ ให้ฟังหูไว้หู เพราะเป็นเพียงใช้คำกว้าง ๆ ในหัวข้อหรือสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นอยู่แล้วตามลักษณะวิสัยของมนุษย์ผู้หิวกระหาย และความไม่รู้จักพอ
ข้อมูลจาก FAO ระบุว่า สถานการณ์โลกในยุคหลังโควิด (Covid-19) หลายประเทศกำลังประสบปัญหาเกี่ยวกับ ความไม่มั่นคงด้านอาหาร (Food Insecurity) ผู้คนอยู่อย่างอดยากแร้นแค้น
การเข้าถึงอาหารที่ยากลำบากขึ้นของประชาชน เป็นปัญหาอย่างมากสำหรับผู้มีรายได้น้อยตามประเทศต่าง ๆ ซึ่งได้รับผลกระทบจากความพังครืนของระบบเศรษฐกิจโลก อันเนื่องมาจาก การแพร่ระบาดของโควิด-19 และโลกในสภาวะสงคราม
“มนุษย์หันมากินกันเอง” คงมิใช่กินเนื้อมนุษย์โดยความหมาย แต่เป็นการกดขี่ เอารัดเอาเปรียบมนุษย์ด้วยกันเอง คนกลุ่มน้อยเพียงไม่กี่เปอร์เซ็นต์ของโลก มีอำนาจตัดสินใจในเรื่องต่าง ๆ ซึ่งบางครั้งมนุษย์ตัวเล็กกระจ้อยร่อยพลอยได้รับผลกระทบไปด้วย
“For 40 years the rainbow will not appear. The dry land will become drier and there will be major floods”
“40 ปี ไร้รุ้ง 40 ปี จะเห็นรุ้งกินน้ำทุกวัน พสุธาจะยิ่งแห้งแล้ง จักเกิดน้ำท่วมใหญ่ ครั้นเกิดรุ้งกินน้ำ”
ข้อนี้เห็นจะเป็นข้อที่นอสตราดามุสทำนายทายทักได้แม่นยำ นั่นคือเรื่อง โลกเดือด สภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง เกิดภัยแล้งจากเอลนีโญ ทะเลเดือดพล่าน และสัตว์น้ำล้มตาย อีกหนึ่งประโยคที่ตอกย้ำเรื่องนี้กล่าวไว้ว่า
"Like the sun, the head will scorch the shining sea: the living fish in the Black Sea will almost boil”
“ดั่งสุริยาแผดเผาผืนทะเล เดือดพล่าน กระทั่งสัตว์น้ำตายเกลื่อน”
น่าสนใจว่า นอสตราดามุสคาดเดาถึงสถานการณ์ของโลกในเรื่องสภาพอากาศได้อย่างไร เพราะหากเราแวะดูบริบทในยุคศตวรรษที่ 16 ณ ขณะนั้นยังไม่มีเทคโนโลยีหรือประสิงดิษฐ์ ที่พอจะชี้แนวทาง หรือผลกระทบในแง่ลบที่อาจเกิดขึ้นได้เลย กว่าจะเข้าสู่ยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมก็ยุคหลังจากนอสตราดามุสอีกประมาณ 300 ปี!
มีผู้วิเคราะห์หลากหลายแอคเคาท์ได้แสดงความคิดเห็นว่า คำทำนายนี้หมายถึงเรื่อง การลุกฮือของประชาชน ผู้ถูกกดขี่ หรือชนกลุ่มน้อยในสังคม เพื่อต่อสู้ เรียกร้องกับผู้มีอำนาจในสังคม
ในแต่ละประเทศเจอปัญหาที่แตกต่างกันออกไป บางประเทศเจอปัญหาความไม่เท่าเทียมเรื่องเพศ การเลือกปฏิบัติ การเหยียดเชื้อชาติ การบังคับใช้กฎหมายที่ต่อศัตรูทางการเมือง และอื่น ๆ อีกมากมาย เหล่านี้เป็นไฟสุมอกที่แผดเผามานานจนถึงเวลาปะทุออกมาให้สังคมได้รับรู้ถึงความอัดอั้นตันใจของผู้ถูกกระทำ
คำทำนายในข้อนี้ นักประวัติศาสตร์ และคนที่สนใจเกี่ยวกับคำทำนายของนอสตรามุสเห็นตรงกันว่า นี่อาจเกี่ยวข้องกับภารกิจพามนุษย์ไปดวงจันทร์ของบริษัท Space X ภายใต้วิสัยทัศน์ของ Elon Musk
“Celestial fire when the lights of Mars go out”
อิลอน มัสก์ เคยประกาศกร้าวว่า จะพาเหล่ามหาเศรษฐีกระเป๋าหนัก ไปเยือนดาวอังคารให้ได้ แถมปัจจุบันบริษัทของมัสก์ก็มีมูลค่าสูงเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก ฉะนั้น ไม่มีทางที่จะไม่ถูกเชื่อมโยงกับคำทำนายของนอสตราดามุส
แต่หากเราถอดความจากประโยค “the lights of Mars go out” หรือคำทำนายของนอสตราดามุส กำลังบอกมนุษยชาติว่า โปรเจกต์ของมัสก์จะไม่มีวันสำเร็จ หรือ มนุษยชาติจะไม่มีวันได้เหยียบย่ำลงบนดาวอังคาร
อีกหนึ่งทฤษฎีที่น่าสนใจคือ คนโบราณมองดาวบนฟ้าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เป็นพื้นที่ของพระผู้เป็นเจ้า ผู้ใดมิอาจก้าวล่วงได้ มีเรื่องเล่าว่า คนไม่กล้าแม้แต่เงยหน้ามองบนฟ้านาน ๆ จนกระทั่งไอเดียของ นิโคลัส โคเปอร์นิคัส ที่บอกว่า “โลกไม่ใช่ศูนย์กลางของจักรวาล แต่คือดวงอาทิตย์” ได้เขย่าความเชื่อเก่าจนพังครืน
คำทำนายปี 2024
เหลือเวลาอีกไม่กี่วันก็จะสิ้นปีแล้ว คิดว่าเป็นกาลที่ดีที่จะเปิดคำทำนายของนอสตราดามุสกันสักหน่อยว่าเป็นเช่นไร?
ในปี 2024 นอสตราดามุสทำนายเหตุการณ์ไว้ 3 เหตุการณ์ใหญ่ได้แก่ สงคราม สภาพอากาศ และราชวงอังกฤษ
มาริโอ เรดดิ้ง (Mario Reading) นักเขียนชาวอังกฤษ เขียนวิจารณ์ถึงคำทำนายในข้อนี้ไว้ว่า อาจมีความเชื่อมโยงกับราชวงศ์อังกฤษ ก่อนหน้านี้โหราพยากรณ์ผู้นี้เคยทำนายการเสียชีวิตของควีนอลิซาเบธ เอาไว้เช่นกัน
ทำให้หลายคนคาดว่า “กษัตริย์” ที่ว่า น่าจะเป็นกษัตริย์ชาลส์ที่ 3 เพราะเกิดปัญหาภายในราชวงศ์มากมาย แถมมีมลทินติดตัวตั้งแต่เรื่องการเสียชีวิตของเจ้าหญิงไดอาน่า และการแต่งตั้ง “คามิลลา” ขึ้นเป็นสมเด็จพระราชินีเคียงข้างพระกาย
“แห่งเกาะ” เป็นคีย์เวิร์ดสำคัญที่ช่วยตัดตัวเลือกออกไปได้เยอะพอสมควร เพราะสหราชอาณาจักรมีลักษณะภูมิประเทศเป็นเกาะ พร้อมมีปัญหาถาโถมมากมาย
“The red adversary will become pale with fear. Putting the great Ocean in dread”
“ศัตรูของสีแดงจักหวาดผวาจนหน้าซีด มหาสมุทรไม่ปลอดภัย”
นึกถึงสีแดง คุณนึกถึงสิ่งใดเป็นอันดับแรก ถ้าไม่นับตู้ไปรษณีย์ กับ ห้างสรรพสินค้าชื่อดัง?
มหาอำนาจแดนมังกร หรือ “ประเทศจีน” ฟังดูเข้าท่าบ้างไหม? นักวิเคราะห์บนโลกอินเตอร์เน็ตมุ่งไปที่ “สีแดง” บนธงชาติจีน และการต่อสู้ทางเรือในน่านน้ำ สอดรับการสถานการณ์แบบพอดิบพอดี เพราะไม่กี่วันก่อน เพิ่งจะมีข่าว เรือจากจีนโจมตีเรือของฟิลิปปินส์ที่พื้นที่ทะเลจีนใต้
แต่หากมองในภาพใหญ่ ในลักษณะที่พอจะเรียกว่าเป็นสมรภูมิได้ คงต้องมุ่งเป้าไปที่ความตึงเครียดระหว่าง ไต้หวันและจีน ความต้องการ “ปลีกตัว” และ “เจ้าของ” ยังคงเข้มข้นอยู่ระหว่าง 2 ฝ่าย
ฉะนั้น อาจหมายความได้ว่า ในปีนี้ความตึงเครียดระหว่างไต้หวันและจีนอาจยกระดับไปจนถึงขั้นเกิดการสู้รบ จนเกิดเป็นสงครามแดนมังกรหรือไม่?
เป็นอีกครั้งที่นอสตราดามุสยังทำนายเรื่องเดิมซ้ำอีก นั่นคือเรื่อง สภาพอากาศ ความแปรปรวนที่เกิดขึ้นบนโลก หัวข้อนี้เป็นเรื่องที่นักวิเคราะห์หลายฝ่ายเห็นตรงกันมากที่สุด เพราะไม่น่าเป็นอื่นไปได้
ปี 2023 กลายเป็นปีที่โลกร้อนที่สุดเป็นประวัติการณ์ พร้อมทั้งเกิดภัยแล้งจากเอลนีโญ ทะเลเดือดพล่าน น้ำแข็งที่ขั้วโลกเริ่มละลาย สัตว์น้ำล้มตาย ประชากรริมชายฝั่งเริ่มได้รับผลกระทบ นี่คือคำทำนายที่อาจเรียกได้ว่า เข้าประเด็นและตรงจุดที่สุดของนอสตราดามุสเลยก็ว่าได้
แต่...
อย่าลืมว่า เหตุการณ์ทุกอย่างบนโลกนี้ มิได้เกิดขึ้นเพราะหมอดูผู้นี้ ทุกอย่างเคลื่อนไปตามเหตุและผล โลกร้อนขึ้นก็เพราะฝีมือของมนุษย์ การใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล การปล่อยก๊าซเรือนกระจกออกสู่ชั้นบรรยากาศโลก จนเกิดเป็นภัยพิบัติทางธรรมชาติ ทั้งหมดนี้เกิดจากคนในกระจก มิใช่เกิดขึ้นจาก “คำทำนาย” จากชายในศตวรรษที่ 16 แต่อย่างใด
ที่มา: History
เนื้อหาที่น่าสนใจ