แอฟริกากำลังเผชิญหน้ากับไข้มาลาเรียระบาดรุนแรง ยุงที่เป็นพาหะนำโรคก็แข็งแกร่งขึ้น ผลจากวิกฤตสภาพอากาศสุดขั้ว ผู้นำแอฟริกาเรียกร้องให้กำจัดไข้มาลาเรียให้เร็วที่สุด
เมื่อวันศุกร์ 22 กันยายนที่ผ่านมา ในการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ ผู้นำแอฟริกาได้ออกมาเผยว่า แอฟริกากำลังเผชิญหน้ากับภาวะฉุกเฉินของไข้มาลาเรียครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 20 ปีที่ผ่านมา และเงินบริจาคเพื่อต่อสู้กับไข้มาลาเรียนั้นไม่เพียงพออีกต่อไปแล้ว
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาแอฟริกาไม่ได้ต่อสู้กับโควิด-19 เพียงอย่างเดียว แต่ยังต้องต่อสู้กับไข้มาลาเรียด้วย ส่งผลให้แอฟริกามีความต้องการการลงทุนและผู้บริจาคสนับสนุนสำหรับการต่อสู้กับโรคดังกล่าว
เนื่องจาก แอฟริกามีผู้ป่วยจากไข้มาลาเรียมากที่สุดในโลก และคิดเป็น 96% ของการเสียชีวิตเกิดจากไข้มาลาเรีย ตามข้อมูลปี 2021 และเกือบ 80% ของการเสียชีวิตจากไข้มาลาเรียนั้นอยู่ในอายุต่ำกว่า 5 ปี
นาย อูมาโร ซิสโซโก เอมบาโล (Umaro Sissoco Embaló) ประธานาธิบดีของดีกินี บิสเซา ซึ่งเป็นประเทศหนึ่งในแอฟริกา กล่าวในที่ประชุมว่า
“ความคืบหน้าในการเร่งกำจัดไข้มาลาเรียนั้น กำลังเผชิญหน้ากับความพ่ายแพ้ เพราะยุงสามารถต้านทานต่อยาฆ่าแมลงมากขึ้น และประสิทธิภาพของยาต้านมาลาเรียกำลังลดลง หากไม่เร่งแก้ไข ไข้มาลาเรียจะเพิ่มขึ้นและระบาดไปไกลขึ้น”
ตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงขาดแคลนเงินทุน เนื่องจากผู้บริจาคเริ่มเหนื่อยล้าเพราะยังไม่สามารถต่อสู้กับไข้เหล่านี้ได้ แถมโควิด-19 ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ก็ทำให้ใช้เงินไปจำนวนมาก ซึ่งตอนนี้ไข้มาลาเรียกลับมาหนักอีกครั้งอย่างน้อยใน 13 ประเทศตอนนี้ การขาดแคลนเงินทุนอาจเพิ่มความเสี่ยงในการช่วยชีวิตผู้คนจำนวนมาก รัฐจึงเห็นว่า เราควรเร่งกำจัดไข้นี้ให้สิ้นซากภายในปี 2030
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
อังกฤษทุบสถิติโลก ปี 2022 มีคนเสียชีวิตเพราะอากาศร้อนมากถึง 4,500 ราย
เตือน "บัวผุด" ดอกไม้ที่ใหญ่ที่สุดและเหม็นที่สุดในโลกกำลังใกล้สูญพันธุ์
ไข้มาลาเรียนรุนแรงขึ้นเพราะโลกร้อน ความถี่ของเหตุการณ์สภาพอากาศสุดขั้ว เช่น น้ำท่วมและพายุไซโคลนเมื่อต้นปี ทำให้ทั่วทั้งทวีปมีความเป็นไปได้ที่จะเจอยุง อันเป็นพาหะนำโรคมากขึ้น ยกตัวอย่าง ประเทศโมซัมบิก พบว่ามีไข้มาลาเรียเพิ่มขึ้นหลังพายุไซโคลนเฟรดดี้พัดถล่มเมื่อต้นปีนี้ และภัยพิบัติก็ทำให้ยาและการบริการทางการแพทย์ได้รับผลกระทบ รวมถึงเข้าถึงได้ยาก
วัคซีนป้องกันมาลาเรีย เช่น RTS,S/AS01 กำลังทยอยเปิดตัวทั่วทั้งทวีป ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า แม้ว่าวัคซีนจะเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญ แต่ก็ไม่ใช่ "กระสุน" ที่จะยุติโรคมาลาเรีย และไม่ควรละเลยมาตรการอื่นเพื่อควบคุมโรคนี้
ตัวอย่างเช่น มุ้งที่ได้รับการบำบัดเป็นกลยุทธ์การป้องกันโรคมาลาเรียที่มีประสิทธิผลมากที่สุดนับตั้งแต่เริ่มใช้ในช่วงต้นทศวรรษที่ 90 ซึ่งป้องกันผู้ป่วยได้ประมาณ 68% ในพื้นที่ตอนใต้ทะเลทรายซาฮาราของแอฟริกา อย่างไรก็ตาม ประสิทธิภาพของมันอาจลดลงเมื่อเวลาผ่านไปเนื่องจากวิวัฒนาการของยุงกำลังรุนแรงขึ้น ดังนั้น เราต้องวิ่งไปข้างหน้าก่อนวิวัฒนาการนั้นให้เร็วที่สุด
อย่างไรก็ตาม แอฟริกา ถือว่าเป็นทวีปที่มีประเทศยากจนเยอะที่สุด และปล่อยมลพิษน้อยต่อโลกน้อยที่สุดด้วย แต่ในทางกลับกันประเทศยากจนเหล่านี้กลับเผชิญหน้ากับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศมากที่สุดในโลก นั่นจึงเป็นเหตุผลที่นักเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อมเรียกร้องให้เหล่าผู้นำในประเทศร่ำรวยสร้างกองทุนเพื่อช่วยเหลือประเทศยากจนในการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ
ที่มาข้อมูล
ข่าวที่เกี่ยวข้อง