svasdssvasds

Microsoft เผย พัฒนาช้าดีกว่าซ้ำซ้อน ลดต้นทุนได้ เน้นใช้งานจริง

Microsoft เผย พัฒนาช้าดีกว่าซ้ำซ้อน ลดต้นทุนได้ เน้นใช้งานจริง

Microsoft เผยกลยุทธ์ AI แตกต่างคู่แข่ง เน้นตามหลัง 3-6 เดือน เพื่อลดต้นทุนมหาศาล-เลี่ยงซ้ำซ้อน แทนแข่งเป็นที่หนึ่ง ชี้มุ่งเน้นการพัฒนาเพื่อใช้งานได้จริง

SHORT CUT

  • Microsoft โดย มุสตาฟา สุไลมาน ซีอีโอฝ่าย AI เปิดเผยว่าบริษัทจงใจไม่เร่งพัฒนาโมเดล AI ที่ล้ำสมัยที่สุด เป็นรายแรก แต่เลือกที่จะตามหลังผู้นำประมาณ 3-6 เดือน เพื่อรอให้เทคโนโลยีพร้อมและประเมินทิศทางได้ชัดเจนขึ้น
  • การเป็นผู้บุกเบิก AI แนวหน้ามีค่าใช้จ่ายสูงมากและอาจซ้ำซ้อนกับสิ่งที่พันธมิตรทำอยู่แล้ว การตามหลังช่วยให้ Microsoft ประหยัดงบประมาณมหาศาล และมุ่งเน้นทรัพยากรไปที่การนำ AI ไปปรับใช้กับผลิตภัณฑ์และบริการจริงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • แม้จะยังคงร่วมมืออย่างใกล้ชิดและลงทุนมหาศาลใน OpenAI แต่ Microsoft ก็กำลังพัฒนาขีดความสามารถด้าน AI ของตนเอง โดยมีเป้าหมายระยะยาวคือการพึ่งพาตนเองด้าน AI ได้อย่างสมบูรณ์

Microsoft เผยกลยุทธ์ AI แตกต่างคู่แข่ง เน้นตามหลัง 3-6 เดือน เพื่อลดต้นทุนมหาศาล-เลี่ยงซ้ำซ้อน แทนแข่งเป็นที่หนึ่ง ชี้มุ่งเน้นการพัฒนาเพื่อใช้งานได้จริง

ในโลกที่เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) กำลังขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ต่างแข่งขันกันเพื่อสร้างโมเดลที่ล้ำสมัยที่สุด

แต่ Microsoft กลับเลือกเส้นทางที่แตกต่างออกไป มุสตาฟา สุไลมาน (Mustafa Suleyman) ซีอีโอฝ่าย AI ของ Microsoft และผู้ร่วมก่อตั้ง DeepMind ได้เปิดเผยในการให้สัมภาษณ์ล่าสุดว่า บริษัทมีกลยุทธ์ที่จะไม่เร่งพัฒนาโมเดล AI

มุสตาฟา สุไลมาน หัวหน้าใหญ่ฝ่าย AI ของ Microsoft สร้างความประหลาดใจด้วยการเปิดเผยกลยุทธ์ "ตามหลังผู้นำ" 3-6 เดือนในการพัฒนาโมเดล AI แทนที่จะทุ่มทรัพยากรเพื่อเป็นที่หนึ่ง

ชี้ช่วยลดต้นทุนมหาศาล เลี่ยงการทำงานซ้ำซ้อน และมุ่งเน้นการใช้งานจริงได้ดีกว่า

 

สุไลมาน อธิบายว่า การรอให้ผู้นำในตลาดบุกเบิกเทคโนโลยีไปก่อนประมาณ "สามหรือหกเดือน" หรือที่เรียกว่ากลยุทธ์ "นอกแนวหน้า" นั้นมีข้อได้เปรียบสำคัญหลายประการ "การทำเช่นนั้นมีค่าใช้จ่ายสูงมาก และไม่จำเป็นต้องทำให้เกิดความซ้ำซ้อนดังกล่าว"

"มันถูกกว่าที่จะให้คำตอบเฉพาะเจาะจงเมื่อคุณรอ 3 หรือ 6 เดือนแรกให้แนวหน้าไปก่อน นั่นคือกลยุทธ์ของเราจริงๆ คือการเล่นเป็นอันดับสองที่ตามติดอย่างใกล้ชิด เมื่อพิจารณาถึงความต้องการเงินทุนมหาศาลของโมเดลเหล่านี้"

กลยุทธ์นี้เกิดขึ้นแม้ว่า Microsoft จะเป็นผู้ลงทุนรายใหญ่ใน OpenAI ถึง 13.75 พันล้านดอลลาร์ และนำโมเดลของ OpenAI มาใช้ขับเคลื่อนผลิตภัณฑ์เรือธงอย่าง Microsoft Copilot อย่างกว้างขวาง

ตัวอย่างเช่น ฟีเจอร์ "Memory" และ "Think Deeper" ใน Copilot ก็ถูกนำมาใช้หลังจากที่ฟีเจอร์คล้ายกันปรากฏใน ChatGPT ของ OpenAI ก่อนแล้ว

อย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์ระหว่าง Microsoft และ OpenAI ก็เริ่มแสดงสัญญาณความซับซ้อนมากขึ้น โดย Microsoft ได้ระบุชื่อ OpenAI เป็นคู่แข่งในรายงานประจำปีเมื่อเดือนกรกฎาคม 2567

และ OpenAI ก็ได้ประกาศความร่วมมือกับ Oracle ซึ่งเป็นคู่แข่งด้านคลาวด์ของ Microsoft ในโครงการ Stargate เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา แม้ว่าทั้งสองบริษัทยังคงยืนยันความมุ่งมั่นในความร่วมมือ โดยเฉพาะการใช้งาน Azure ของ Microsoft ต่อไป

CREDIT : REUTERS

สุไลมานย้ำว่า แม้จะยังคงเป็นพันธมิตรอย่างลึกซึ้งกับ OpenAI อย่างน้อยจนถึงปี 2030 แต่เป้าหมายระยะยาวของ Microsoft คือการพึ่งพาตนเองด้าน AI ได้อย่างสมบูรณ์

"ฟังนะ มันสำคัญอย่างยิ่งยวดในระยะยาวที่เราจะสามารถทำ AI ได้ด้วยตนเองที่ Microsoft" เขากล่าว พร้อมเสริมว่าบริษัทมีทีม AI ที่แข็งแกร่งและทรัพยากรการประมวลผลมหาศาลเป็นของตัวเอง รวมถึงการพัฒนาโมเดลภาษาขนาดเล็ก (SLMs) แบบโอเพนซอร์สที่สามารถทำงานบน PC ได้

การตัดสินใจที่จะไม่เร่งรีบเป็นที่หนึ่งในการพัฒนาโมเดลที่ใหญ่และซับซ้อนที่สุด จึงเป็นการเดิมพันเชิงกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นประสิทธิภาพด้านต้นทุนและความสามารถในการนำ AI ไปปรับใช้กับกรณีการใช้งานเฉพาะทาง มากกว่าการแข่งขันเพื่อชิงความเป็นเลิศทางเทคโนโลยีเพียงอย่างเดียว

CREDIT : REUTERS

โดยรวมแล้ว กลยุทธ์ "off-frontier" ของ Microsoft เป็นการเดิมพันที่น่าจับตามอง ว่าจะสามารถสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันในระยะยาวได้จริงหรือไม่ ในขณะที่ยังคงรักษาความสัมพันธ์อันดีกับพันธมิตรสำคัญ และพัฒนาขีดความสามารถภายในไปพร้อมกัน

ที่มา : CNBC

related