SHORT CUT
SPRiNG Tech รวบรวมมาให้เห็นเป็นตัวอย่างคร่าวๆ ของเทคโนโลยีนับคะแนนเลือกตั้ง ว่า การใช้เทคโนโลยีนั้น ทั้งก่อนและหลังเลือกตั้ง รวมถึงขั้นตอนการนับคะแนนนั้นมี ประโยชน์มากมาย เร็วและประหยัดเวลา
ส่องระบบเลือกตั้งในต่างประเทศ ที่มีการใช้ เทคโนโลยี เข้ามามีส่วนช่วยให้ผู้คนในประเทศสะดวกมากขึ้น และอีกนัยยะหนึ่ง ก็เป็นการช่วยลดการทุจริตในการลงคะแนน นับคะแนนได้รวดเร็ว แถมยังเป็นการประหยัดแรงคนอีกด้วย
ในช่วงเวลาหลาย 10 ปีที่ผ่านมา หลายๆ ประเทศได้นำเทคโนโลยีมาใช้ในการนับคะแนนเลือกตั้งเพื่อเพิ่มความแม่นยำและความโปร่งใส
โดย SPRiNG Tech รวบรวมมาให้เห็นเป็นตัวอย่างคร่าวๆ ว่า การใช้เทคโนโลยีกับการเลือกตั้งนั้น ทั้งก่อนและหลังเลือกตั้ง รวมถึงขั้นตอนการนับคะแนนนั้นมี ประโยชน์มากมาย
อินเดียเป็นประเทศที่ใช้ EVMs ในการเลือกตั้งทั่วไปตั้งแต่ปี 1999 ซึ่งช่วยลดความผิดพลาดในการนับคะแนนและเพิ่มความรวดเร็วในการประกาศผล และในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อปี 2024 ก็ยังใช้อยู่
โดย ผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนเสียงเลือกตั้งของอินเดียส่วนใหญ่จะลงคะแนนโดยใช้เครื่องลงคะแนนอิเล็กทรอนิกส์ (EVM) (ใช้งานกันมาตั้งแต่ปี 1982 แล้ว) , เครื่อง EVM จะติดตั้งโปรแกรมการทำงานของข้อมูลลงในชิปที่ไม่สามารถแก้ไขได้ และหลังจากปิดหีบ เจ้าหน้าที่จะกดปุ่มปิด เครื่องจะหยุดทำงานทันที และไม่สามารถป้อนข้อมูลใหม่ได้
เครื่อง EVM ทั่วอินเดียจะไม่มีการเชื่อมต่อเครือข่ายใดๆ ทั้งสิ้น ไม่มีไฟฟ้า ทำงานโดยแบตเตอรี่ 6 โวลต์ 2 ก้อน
เครื่อง EVM แต่ละเครื่องจะวางซอฟท์แวร์ ไม่ให้บุคคลภายนอกเข้าถึงข้อมูลในเครื่องได้ และมันจะแบ่งออกเป็นสองส่วน ส่วนแรก เจ้าหน้าที่จะควบคุม เครื่องนี้จะเชื่อมต่อกับเครื่องบันทึกคะแนน (Ballonting Unit) ซึ่งเสมือนกับหีบบัตร ด้วยสายเคเบิล , เมื่อผู้ใช้สิทธิเดินเข้าคูหา เจ้าหน้าที่จะเปิดใช้เครื่องบันทึกคะแนน
เอสโตเนียเป็นประเทศแรกที่พัฒนา ระบบ i-Voting สำหรับการเลือกตั้งระดับชาติ ซึ่งช่วยให้ประชาชนสามารถลงคะแนนจากที่ใดก็ได้ผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งนี้ ระบบ i-voting มีพื้นฐานจาก e-identity หรือการระบุและยืนยันตัวตนบนระบบดิจิทัล เป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนเพื่อผลักดันรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์และบริการดิจิทัลในทุกระดับของสังคม และใช่ กว่า 99% ประชาชนเอสโตเนียสามารถเข้าถึงบริการขั้นพื้นฐานผ่านระบบดิจิทัลได้แล้ว
ประชาชนเอสโตเนียสามารถเข้าสู่ระบบได้ง่ายๆ โดยใช้ e-ID หรือบัตรประชาชนอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นบัตรสมาร์ทการ์ดที่ช่วยให้สามารถยืนยันตัวตนระยะไกลได้อย่างปลอดภัย โดยผู้ลงคะแนนสามารถลงคะแนนเสียงจากคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ทุกที่ในโลก ทั้งในช่วงเลือกตั้งล่วงหน้า แถมยังสามารถแก้สิ่งที่เลือกไม่จำนวนครั้งจนกว่าจะถึงกำหนดวันนับคะแนนอีกด้วย ทั้งนี้หลังการเลือกตั้งจบ การลงคะแนนของประชาชนจะถูกลบทิ้งทั้งหมด
เอสโตเนียได้ทดลองใช้บล็อกเชนในการจัดการบัตรลงคะแนน เพื่อเพิ่มความโปร่งใสและความปลอดภัยในการนับคะแนน
การใช้เทคโนโลยี Blockchain ในการนำส่งบัตรลงคะแนนเลือกตั้งที่อยู่ในระบบ โดยเมื่อมีการตรวจความถูกต้องบัตรลงคะแนนตามกระบวนการต่าง ๆ เรียบร้อยแล้ว จะมีการประทับเวลา (Time Stamp) พร้อมจัดเก็บไว้บนระบบ Blockchain เพื่อทำหน้าที่พิสูจน์การมีอยู่จริงของบัตรลงคะแนนนั้น ๆ (Proof of Existence) แทนการใส่หีบบัตรเลือกตั้ง นับเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยลดช่องโหว่มากมายจากการลงคะแนนด้วยกระดาษลงได้
หลายประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา ใช้เครื่องลงคะแนนที่มีระบบ VVPAT เพื่อให้ผู้ลงคะแนนสามารถตรวจสอบและยืนยันการลงคะแนนของตนเองได้ โดย ระบบ VVPAT (Voter Verified Paper Audit Trail) เป็นระบบที่ใช้ในการตรวจสอบการลงคะแนนในการเลือกตั้ง โดยเฉพาะในเครื่องลงคะแนนอิเล็กทรอนิกส์ (EVMs) ซึ่งทำให้ผู้ลงคะแนนสามารถยืนยันได้ว่าการลงคะแนนของตนเองถูกต้องตามที่ต้องการ ระบบนี้ช่วยเพิ่มความโปร่งใสและความเชื่อมั่นในการเลือกตั้ง โดยการสร้างบันทึกกระดาษที่สามารถตรวจสอบได้หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับผลการเลือกตั้ง
การทำงานของ VVPAT เป็นอย่างไร
การนำเทคโนโลยีเหล่านี้มาใช้ในการนับคะแนนเลือกตั้งช่วยเพิ่มความแม่นยำ ความรวดเร็ว และความโปร่งใสในการประกาศผลการเลือกตั้ง
ที่มา : theconversation euronews reuters time bbc
ข่าวที่เกี่ยวข้อง