รถไฟรางคู่ที่กำลังจะมุ่งหน้าจากบ้านไผ่ ขอนแก่น ไปยังปลายทางจังหวัดนครพนม กำลังเป็นอีกหนึ่งเส้นทางรถไฟที่เป็นที่จับตา เพราะนี้คือการเชื่อมโยงเส้นทางรถไฟในอีสานเหนือ เชื่อมต่อกับชายแดนประเทศเพื่อนบ้านอย่าง สปป.ลาว
ปู๊น…. เสียงรถไฟรางคู่ที่กำลังจะมุ่งหน้าจากบ้านไผ่ ขอนแก่น ไปยังปลายทางจังหวัดนครพนม กำลังเป็นอีกหนึ่งเส้นทางรถไฟที่เป็นที่จับตา เพราะนี้คือการเชื่อมโยงเส้นทางรถไฟในอีสานเหนือ เชื่อมต่อกับชายแดนประเทศเพื่อนบ้านอย่าง สปป.ลาว
แล้วจะพลิกอนาคต ยกระดับชีวิตคนอีสานเหนือได้มากน้อย SPRiNG ชวนอ่านบทความนี้ พร้อมความเห็นจาก นางมนพร เจริญศรี สส.นครพนม ในฐานะรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม
2. ที่มารถไฟทางคู่ บ้านไผ่ -นครพนม
อย่างไรก็ตามในปัจจุบันนครพนมยังขาดระบบโครงสร้างพื้นฐานทางราง นั่นคือรถไฟ ซึ่งจะช่วยยกระดับทั้งเรื่องการท่องเที่ยวและการค้า การขนส่ง
ย้อนกลับไปในปี 2564 การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ลงนามสัญญาก่อสร้างทางรถไฟ สายบ้านไผ่-นครพนม ผ่าน อำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น มุ่งสู่มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ยโสธร มุกดาหาร และสิ้นสุดที่จังหวัดนครพนม ระยะทางรวม 355 กิโลเมตร
โดยทางรถไฟสายนี้ประกอบไปด้วย
- สถานีขนาดใหญ่ 4 แห่ง ได้แก่ มหาสารคาม ร้อยเอ็ด มุกดาหาร และนครพนม สถานีขนาดกลาง 5 แห่ง
- สถานีขนาดเล็ก 9 แห่ง
- โรงพักสินค้า 3 แห่ง
- ลานบรรทุกตู้สินค้า 3 แห่ง
- สะพานรถไฟข้ามถนนและคลอง 158 แห่ง
- สะพานรถยนต์ข้ามทางรถไฟ 81 แห่ง
- ทางลอดทางรถไฟ 245 แห่ง
- ทางขนานทางรถไฟ 165 แห่ง
ใช้งบประมาณในการก่อสร้างรวม 55,462 ล้านบาท ค่าเวนคืน 10,255.33 ล้านบาทและมีการลงนามสัญญาก่อสร้าง 2 สัญญา ประกอบด้วย สัญญาที่ 1 จากสถานีบ้านไผ่-หนองพอก และ สัญญาที่ 2 สถานีหนองพอก-สะพานมิตรภาพ 3
นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย ระบุว่าปัจจุบัน ความคืบหน้าการก่อสร้างทั้งโครงการมีแผนงานก่อสร้างสะสม 38.678% และผลงานก่อสร้างสะสม 9.760% โดยแบ่งเป็นสัญญาที่ 1 ช่วงบ้านไผ่-หนองพอก มีความคืบหน้าแผนงานก่อสร้างสะสม 40.443% และผลงานก่อสร้างสะสม 19.292% และสัญญาที่ 2 ช่วงหนองพอก-สะพานมิตรภาพ มีความคืบหน้าแผนงานก่อสร้างสะสม 36.989% และผลงานก่อสร้างสะสม 0.636%
3. นครพนมจะได้ขึ้นอย่างไรจากรถไฟ
การรถไฟแห่งประเทศไทยคาดการณ์ว่าโครงการดังกล่าวจะแล้วเสร็จในปี 2570 ซึ่งจะสามารถรองรับปริมาณผู้โดยสารได้มากกว่า 3.8 ล้านคนต่อปี และรองรับปริมาณการขนส่งสินค้ากว่า 700,000 ตันต่อปี
สำหรับสถิติการค้าชายแดนของจังหวัดนครพนม ข้อมูลจากด่านศุลกากรนครพนมระบุว่า ตลอดปี 2567
มีรถบรรทุกสินค้าผ่านเข้าออกด่านนี้ รวมกว่า119,586 คัน, มีผู้โดยสารเข้า-ออก กว่า 933,994 คน และตลอดปีงบประมาณ 2567 ด่านศุลกากรแห่งนี้จัดเก็บรายได้รวมจากทุกหน่วยงานทั้งส้ิน 840.619 ล้านบาท
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ให้สัมภาษณ์ระหว่างการลงพื้นที่จังหวัดนครพนมเมื่อวันที่ 6 มกราคมที่ผ่านมาว่า จังหวัดนครพนมมีความโดดเด่นในฐานะจุดยุทธศาสตร์สำคัญของภาคอีสาน เป็นเส้นทางหลักในการขนส่งสินค้าและการค้าชายแดนเชื่อมต่อไปยัง สปป.ลาว เวียดนามและจีนตอนใต้ ผ่านระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก (East-West Economic Corridor) หากมีความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งสินค้า รองรับการเติบโตของการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศ
นอกจากนี้ นครพนมยังมีสนามบินที่สามารถรองรับการขยายตัวของการเดินทางและโลจิสติกส์ในอนาคต ได้รับการกำหนดให้เป็นพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน ส่งเสริมให้มีการลงทุนในอุตสาหกรรมการผลิต การแปรรูปสินค้าเกษตร และการค้าระหว่างประเทศ
โดยเฉพาะสินค้าเกษตรที่เป็นจุดแข็งของภาคอีสาน อีกทั้งยังมีศักยภาพด้านการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและธรรมชาติ ซึ่งสามารถสร้างรายได้เสริมและส่งเสริมเศรษฐกิจในพื้นที่
ดังนั้นจังหวัดนครพนมไม่ได้เป็นเพียงประตูสู่การค้าชายแดน แต่ยังเป็นศูนย์กลางสำคัญสำหรับการพัฒนาภาคตะวันออกเฉียงเหนือในภาพรวมอีกด้วย
4.การสอดประสานกับท้องถิ่น
ขณะที่นางมนพร เจริญศรี สส.นครพนม ในฐานะรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ระบุว่าโครงการรถไฟทางคู่บ้านไผ่-นครพนมนี้ จะเป็นการเพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจและการค้า ช่วยลดต้นทุนการขนส่งสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมจากภาคอีสานไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เช่น สปป.ลาว เวียดนาม และจีน
อีกทั้งยังจะสามารถดึงดูดนักลงทุนจากภาคเอกชนในพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษ ส่งเสริมการเดินทางและการเชื่อมโยงระหว่างประเทศ ทำให้ประชาชนสามารถเดินทางได้สะดวก รวดเร็วและปลอดภัยมากขึ้น สนับสนุนการท่องเที่ยวในจังหวัดนครพนมและพื้นที่ใกล้เคียง
อย่างไรก็ตามการสอดประสานกับการทำงานระดับชาติร่วมกับในระดับท้องถิ่นก็จะยิ่งทำให้สามารถยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ เพิ่มโอกาสการจ้างงานในภาคโลจิสติกส์ การค้าชายแดน และการพัฒนาพื้นที่จังหวัดนครพนมและอีสานเหนืออย่างยั่งยืน