บริษัทเราอาจอยู่ผิดฝั่งของประวัติศาสตร์! แซม อัลต์แมน ยอมรับ ต่อไปข้อได้เปรียบของ OpenAI จะลดน้อยลง เมื่อโลกนี้ มี DeepSeek
บริษัทเราอาจอยู่ผิดฝั่งของประวัติศาสตร์! แซม อัลต์แมน ยอมรับ ต่อไปข้อได้เปรียบของ OpenAI จะลดน้อยลง เมื่อโลกนี้ มี DeepSeek
ในช่วงสัปดาห์ที่ DeepSeek เขย่าวงการเทคโนโลยี จนสร้างแรงกระเพื่อมไปอย่างมากมายนั้น , ล่าสุด แซม อัลต์แมน Sam Altman ซีอีโอของ OpenAI ก็เพิ่งออกมายอมรับว่า ต่อไป OpenAI ซึ่งเป็นผู้พัฒนา ChatGPT จะมีความได้เปรียบที่น้อยลง กับการมาถึงของ AI จากจีน อย่าง DeepSeek
ช่วงต้นปี 2025 ถือเป็น ช่วงเวลาที่ #OpenAI กำลังอยู่ในสถานการณ์ที่ค่อนข้างเปราะบาง บริษัทต้องเผชิญกับมุมมองที่ว่ากำลังสูญเสียความเป็นผู้นำในสนามแข่ง AI ให้กับบริษัทจีนอย่าง DeepSeek ซึ่ง OpenAI อ้างว่าอาจขโมยทรัพย์สินทางปัญญาของตน
นอกจากนี้ OpenAI ยังพยายามสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับรัฐบาลวอชิงตัน ควบคู่ไปกับการผลักดันโครงการศูนย์ข้อมูลที่ทะเยอทะยาน ในขณะเดียวกันก็มีรายงานว่ากำลังปูทางสำหรับหนึ่งในรอบการระดมทุนที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์
โดย แซม อัลต์แมน ยอมรับว่า DeepSeek ได้ลดช่องว่างความได้เปรียบของ OpenAI ในการแข่งขันด้าน AI และเขายังเชื่อว่า OpenAI อยู่ “ฝั่งผิดของประวัติศาสตร์” ในประเด็นการเปิดซอร์สเทคโนโลยีของบริษัท แม้ว่า OpenAI จะเคยเปิดซอร์สโมเดลในอดีต แต่โดยรวมแล้วบริษัทมีแนวโน้มพัฒนาโมเดลแบบปิดและเป็นกรรมสิทธิ์มากกว่า
“โดยส่วนตัวแล้ว ผมคิดว่าเราต้อง] หาวิธีการเปิดซอร์สที่แตกต่างออกไป ไม่ใช่ทุกคนที่ OpenAI คิดแบบเดียวกัน และนี่ก็ยังไม่ใช่ลำดับความสำคัญสูงสุดของเราในตอนนี้ … เราจะสร้างโมเดลที่ดีขึ้นในอนาคต แต่ความได้เปรียบของเราจะลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน ๆ”
ทั้งนี้ สิ่งที่เป็นข้อแตกต่าง ระหว่าง DeepSeek กับ ChatGPT คือ แหล่งที่มาและการพัฒนา
ChatGPT : พัฒนาโดย OpenAI ซึ่งเป็นองค์กรวิจัยด้าน AI ชั้นนำของโลก และมีประสบการณ์พัฒนาโมเดลขนาดใหญ่ เช่น GPT-3.5 และ GPT-4
DeepSeek Chat : พัฒนาโดย DeepSeek AI ซึ่งเป็นบริษัทจากจีน และใช้เทคโนโลยี open-source ที่พัฒนาขึ้นเอง
โดยในประเด็นนี้ แซม อัลต์แมน ยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่าความได้เปรียบของ OpenAI จะลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน ๆ