svasdssvasds

TikTok ปลดพนักงาน ใช้ AI ทำงานแทน สะท้อนอนาคตการทำงาน Future of Work 2025

TikTok ปลดพนักงาน ใช้ AI ทำงานแทน สะท้อนอนาคตการทำงาน Future of Work 2025

TikTok ประกาศปลดพนักงาน 700 คนทั่วโลก เนื่องจากหันมาใช้ AI ในการกลั่นกรองเนื้อหาแทน บริษัทฯ ยืนยันจะเดินหน้าลงทุนกว่า 7 พันล้านบาท เพื่อพัฒนา AI ให้มีประสิทธิภาพ แม่นยำ และปลอดภัยยิ่งขึ้น

SHORT CUT

  • TikTok ประกาศลดพนักงานหลายร้อยตำแหน่งทั่วโลก โดยเฉพาะในมาเลเซีย เพื่อปรับโครงสร้างองค์กรและเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน 
  • TikTok หันมาใช้ AI มากขึ้นในการกลั่นกรองเนื้อหาบนแพลตฟอร์ม ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และลดภาระงานของมนุษย์
  • TikTok ยืนยันจะยังคงลงทุนอย่างต่อเนื่องด้าน Trust & Safety โดยตั้งเป้าหมายไว้ที่ 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 7 หมื่นล้านบาท) ในปีนี้

TikTok ประกาศปลดพนักงาน 700 คนทั่วโลก เนื่องจากหันมาใช้ AI ในการกลั่นกรองเนื้อหาแทน บริษัทฯ ยืนยันจะเดินหน้าลงทุนกว่า 7 พันล้านบาท เพื่อพัฒนา AI ให้มีประสิทธิภาพ แม่นยำ และปลอดภัยยิ่งขึ้น

TikTok แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียชั้นนำ ประกาศปรับโครงสร้างองค์กรด้วยการลดจำนวนพนักงานทั่วโลก ซึ่งรวมถึงพนักงานในประเทศมาเลเซีย โดยบริษัทฯ ให้เหตุผลว่าเป็นการปรับตัวเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน และมุ่งเน้นการใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการกลั่นกรองเนื้อหาให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

มีพนักงานในมาเลเซียได้รับผลกระทบมากกว่า 700 คน อย่างไรก็ตาม TikTok ซึ่งอยู่ภายใต้การบริหารของ ByteDance บริษัทเทคโนโลยีสัญชาติจีน ได้ออกแถลงการณ์ชี้แจงว่า มีพนักงานในมาเลเซียที่ได้รับผลกระทบจริงน้อยกว่า 500 คน

พนักงานที่ได้รับผลกระทบส่วนใหญ่ปฏิบัติงาน "ด้านการกลั่นกรองเนื้อหา" โดยได้รับแจ้งการเลิกจ้างผ่านทางอีเมลเมื่อช่วงเย็นวันพุธที่ผ่านมา

TikTok ยืนยันการปรับลดพนักงานครั้งนี้ และคาดว่าจะมีพนักงานหลายร้อยคนทั่วโลกได้รับผลกระทบ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนการปรับปรุงการดำเนินงานด้านการกลั่นกรองเนื้อหาในภาพรวม

TikTok ไม่ใช่บริษัทเดียวที่เลือกใช้ AI ในการกลั่นกรองเนื้อหา (Moderate content) แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอื่นๆ เช่น Facebook, YouTube และ Twitter ต่างก็ใช้ AI ในการตรวจจับและลบเนื้อหาที่ละเมิดนโยบาย เช่น เนื้อหาที่แสดงความรุนแรง ก่อให้เกิดความเกลียดชัง หรือเผยแพร่ข้อมูลเท็จ

ปัจจุบัน TikTok ใช้ทั้งระบบตรวจจับอัตโนมัติและทีมงานผู้กลั่นกรองเนื้อหาในการตรวจสอบเนื้อหาที่เผยแพร่บนแพลตฟอร์ม

ByteDance มีพนักงานมากกว่า 110,000 คนในกว่า 200 เมืองทั่วโลก แหล่งข่าวระบุเพิ่มเติมว่า บริษัทฯ มีแผนที่จะปรับลดพนักงานเพิ่มเติมในเดือนหน้า เพื่อรวมศูนย์การดำเนินงานในภูมิภาคบางส่วนเข้าด้วยกัน

"การเปลี่ยนแปลงนี้เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามอย่างต่อเนื่องของเราในการเสริมสร้างรูปแบบการดำเนินงานระดับโลกสำหรับการกลั่นกรองเนื้อหา" โฆษกของ TikTok กล่าวในแถลงการณ์

โฆษกของ TikTok กล่าวในแถลงการณ์ว่า ByteDance กำลังพยายามทำการเปลี่ยนแปลงเพื่อเสริมการดำเนินงานควบคุมเนื้อหาในระดับโลก ซึ่ง ByteDance คาดว่าจะลงทุนด้าน Trust & Safety ภายในปีนี้ เป็นจำนวนเงิน 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐทั่วโลก (ราว 7 หมื่นล้านบาท) เพื่อปรับปรุงและพัฒนาประสิทธิภาพการควบคุมเนื้อหา

บริษัทฯ มีแผนลงทุน 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐทั่วโลกในด้านความน่าเชื่อถือและความปลอดภัยในปีนี้ และจะยังคงมุ่งมั่นพัฒนาประสิทธิภาพในการกลั่นกรองเนื้อหา โดยปัจจุบัน 80% ของเนื้อหาที่ละเมิดแนวทางปฏิบัติของชุมชน จะถูกลบออกโดยเทคโนโลยีอัตโนมัติ

การปรับลดพนักงานครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางแรงกดดันด้านกฎระเบียบที่เพิ่มขึ้นต่อบริษัทเทคโนโลยีทั่วโลกในมาเลเซีย โดยรัฐบาลมาเลเซียได้ขอให้ผู้ให้บริการโซเชียลมีเดียยื่นขอใบอนุญาตประกอบกิจการภายในเดือนมกราคม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมไซเบอร์

ก่อนหน้านี้ มาเลเซียรายงานว่าพบเนื้อหาที่เป็นอันตรายบนโซเชียลมีเดียเพิ่มขึ้นอย่างมาก และได้กระตุ้นให้บริษัทต่างๆ รวมถึง TikTok เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบเนื้อหาบนแพลตฟอร์ม

ในอนาคต คาดว่า AI จะมีบทบาทสำคัญในการกลั่นกรองเนื้อหาบนโลกออนไลน์มากยิ่งขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำงาน และทักษะที่จำเป็นสำหรับบุคลากรในอุตสาหกรรมนี้

  • รายงานของ World Economic Forum ชี้ให้เห็นว่า AI จะเข้ามาแทนที่งานกว่า 85 ล้านตำแหน่งทั่วโลกภายในปี 2025 แต่ในขณะเดียวกันก็จะสร้างงานใหม่ๆ ขึ้นมาอีก 97 ล้านตำแหน่ง
  • การศึกษาของ Oxford University พบว่า AI มีความแม่นยำในการตรวจจับเนื้อหาที่แสดงความเกลียดชังบน Twitter ได้สูงถึง 90%
  • Gartner บริษัทวิจัยและให้คำปรึกษาด้านเทคโนโลยี คาดการณ์ว่า ภายในปี 2025 บริษัท 75% จะนำ AI มาใช้ในการกลั่นกรองเนื้อหาบนแพลตฟอร์มของตน

การปรับลดพนักงานของ TikTok เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในอุตสาหกรรม การพัฒนาตนเอง และการเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ จึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับทุกคนในยุคที่ AI กำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวัน

กรณีศึกษาจาก TikTok ที่ประกาศปลดพนักงานครั้งใหญ่ และหันมาใช้ AI ในการกลั่นกรองเนื้อหา เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของ "Future of Work 2025" หรืออนาคตของการทำงานในปี 2025 ซึ่ง AI กำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญ และส่งผลกระทบต่อตลาดแรงงานทั่วโลก

5 แนวโน้มสำคัญของ "Future of Work 2025 ที่ควรจับตามอง

  1. AI ผงาดขึ้นแท่น "ตัวจริง" ในการกลั่นกรองเนื้อหา : ประสิทธิภาพ ความรวดเร็ว และความแม่นยำของ AI ทำให้แพลตฟอร์มต่างๆ เลือกใช้ AI เป็นเครื่องมือหลักในการกลั่นกรองเนื้อหา เพื่อควบคุมคุณภาพ และสร้างความปลอดภัยให้กับผู้ใช้งาน
  2. "คน" ต้องปรับตัว พัฒนาตนเองสู่บทบาทใหม่ : AI ยังไม่สามารถทดแทนมนุษย์ได้ 100% แต่บทบาทของมนุษย์จะเปลี่ยนไป โดยเน้นที่การกำกับดูแล ฝึกฝน และพัฒนา AI รวมถึงการตัดสินใจในสถานการณ์ที่ซับซ้อน ซึ่งต้องอาศัย "Human Touch"
  3. ความท้าทายด้านจริยธรรม กับ AI ที่ต้องจับตา : การใช้ AI ต้องคำนึงถึงความเป็นกลาง ความโปร่งใส และการป้องกันอคติ ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เพื่อกำหนดมาตรฐาน และแนวทางปฏิบัติที่เหมาะสม
  4. การแข่งขันของ AI ดุเดือด : แพลตฟอร์มต่างๆ จะมุ่งพัฒนา AI ให้มีประสิทธิภาพ แม่นยำ และปลอดภัยยิ่งขึ้น เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ และความได้เปรียบในการแข่งขัน
  5. "คน" ต้อง Upskill - Reskill รับมือ AI : การเข้ามาของ AI จะส่งผลกระทบต่อตลาดแรงงาน โดยเฉพาะงานที่เกี่ยวข้องกับการกลั่นกรองเนื้อหา "คน" จำเป็นต้อง Upskill และ Reskill เพื่อพัฒนาทักษะใหม่ๆ และปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง

"Future of Work 2025" กำลังมาถึง AI จะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการทำงาน "คน" ต้องเตรียมพร้อมรับมือ พัฒนาตนเอง และปรับตัวให้ทัน เพื่อร่วมสร้างอนาคตการทำงาน ที่ AI และ "คน" อยู่ร่วมกันอย่างยั่งยืน

ที่มา : WeforumGartnerREUTERS

related