GISTDA เปิดภาพถ่ายดาวเทียม น้ำท่วมแม่สาย โคลนมหาศาลไหลมาจากไหน ?
GISTDA เปิดภาพถ่ายดาวเทียมแบบคมชัด ในพื้นที่อ. แม่สาย จ. เชียงราย พร้อมกับตั้งประเด็นที่ สังคมต่างตั้งคำถามและมีข้อสงสัย ว่า น้ำท่วมแม่สาย โคลนจำนวนมาก มาจากไหน ?
SHORT CUT
- น้ำท่วมและโคลนถล่มที่แม่สาย เชียงรายในช่วงที่ผ่านมานั้น เกิดจากหลายปัจจัย ทั้งภูมิประเทศที่ติดเชิงเขาและแม่น้ำ การเปลี่ยนพื้นที่ป่าเป็นเกษตรกรรมและเหมืองแร่
- ภาพถ่ายดาวเทียมแสดงร่องรอยดินถล่มขนาดใหญ่หลายจุด ส่งผลให้ตะกอนโคลนไหลทับถมในเขตเมือง
- GISTDA ชี้ว่าข้อมูลภูมิสารสนเทศมีประโยชน์ในการระบุพื้นที่เสี่ยงและวางแผนรับมือภัยพิบัติในอนาคต
GISTDA เปิดภาพถ่ายดาวเทียมแบบคมชัด ในพื้นที่อ. แม่สาย จ. เชียงราย พร้อมกับตั้งประเด็นที่ สังคมต่างตั้งคำถามและมีข้อสงสัย ว่า น้ำท่วมแม่สาย โคลนจำนวนมาก มาจากไหน ?
หากลองวิเคราะห์หาคำตอบ เรื่อง น้ำท่วมแม่สาย โคลนมหาศาลไหลมาจากไหน ? จากประเด็นนี้ จะต้องมองหลายๆ ปัจจัย เช่น ในเชิงภูมิศาสตร์ นั้น ตัวเมืองแม่สายตั้งอยู่ติดกับเชิงเขาและติดกับแม่น้ำที่ไหลมาจากเขตภูเขา ในขณะเดียวกันการศึกษาด้านธรณีวิทยาพบว่าพื้นที่บริเวณตัวเมืองเเม่สาย โดยเฉพาะสองฝั่งแม่น้ำสายที่ใกล้กับด่านชายแดนไทย-เมียนมา เป็นพื้นที่ที่มีดินตะกอนไหลทับถมสะสมมาตั้งแต่อดีต
ปัจจุบันพื้นที่ต้นน้ำแม่สายได้เปลี่ยนจากป่ากลายเป็นพื้นที่เกษตรกรรม รวมถึงเหมืองแร่จำนวนหลายจุดด้วยกัน ทำให้ศักยภาพของป่าไม้การชะลอและกักเก็บน้ำลดลงไปด้วย
โดย พื้นที่รับน้ำทั้งหมดของแม่น้ำสาย พบดินถล่มหลายจุดปรากฏเป็นสีน้ำตาลแดง ตัดกับสีเขียวของป่าไม้หรือแปลงเกษตรอย่างเห็นได้ชัด
แต่ละร่องรอยมีความกว้างประมาณ 20 - 30 เมตร หรือเทียบเท่ากับถนนขนาด 4 เลน และมีความยาวหลายสิบเมตรถึงหลายร้อยเมตร แตกต่างกันไปตามลักษณะพื้นที่ ซึ่งภาพนี้สะท้อนให้เห็นถึงหนึ่งในสาเหตุของตะกอนดินโคลนจำนวนมากที่ไหลทับถมในพื้นที่ด้านล่างซึ่งเป็นเขตเมือง เขตของผู้คนที่อยู่อาศัย
ทั้งนี้ เทคโนโลยี ภาพถ่ายจากดาวเทียมที่ GISTDA นำมาเผยแพรครั้งนี้ เป็นเพียงเครื่องมือที่ทำให้เกิดความเข้าใจภาพรวม แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการนำไปปรับใช้ ต่อยอดสู่การจัดการที่มีประสิทธิภาพ
นอกจากนั้นข้อมูลภูมิสารสนเทศ ยังทำให้รู้ว่ายังมีอีกหลายหมู่บ้านในประเทศไทย ที่มีความเสี่ยงต่อภัยพิบัติทางธรรมชาติแบบเดียวกับที่เกิดขึ้นที่แม่สาย และในอดีตก็เคยเกิดขึ้นกับประเทศไทยมาแล้วหลายครั้ง ดังนั้นการตระหนักรับรู้ความเสี่ยงในพื้นที่ของตนและปรับตัวตามบริบทของพื้นที่นั้นๆ จึงเป็นสิ่งสำคัญที่เราอยู่ร่วมกับธรรมชาติได้
