svasdssvasds

ChatGPT- Gemini และ Generative AI ยังเป็นแค่เทรนด์ คนใช้งานประจำน้อยมาก

ChatGPT- Gemini และ Generative AI ยังเป็นแค่เทรนด์ คนใช้งานประจำน้อยมาก

งานวิจัยเผย แม้ดูเหมือนว่าแทบจะไม่มีวันใดผ่านไปโดยไม่มีข่าวเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ AI เช่น ChatGPT แต่กลับมีเพียงไม่กี่คนที่ใช้เครื่องมือเหล่านี้เป็นประจำ

SHORT CUT

  • ผลสำรวจใน 6 ประเทศ พบว่ามีผู้ใช้งานจริงเป็นประจำทุกวันเพียง 1-7% และอีก 19-30% ไม่รู้จักเครื่องมือเหล่านี้เลย
  • คนรุ่นใหม่อายุ 18-24 ปี มีแนวโน้มใช้ Generative AI มากกว่า เทียบกับผู้สูงอายุเกิน 55 ปี ส่วนใหญ่ใช้เพื่อหาข้อมูล และ สร้างสรรค์ผลงาน
  • ในอนาคต Generative AI จะถูกใช้ทั้งแบบเฉพาะทาง และแบบผสมผสานในแพลตฟอร์มที่คนใช้ประจำ แต่ผู้คนยังมองไม่ออกว่ามันจะทำให้ชีวิตดีขึ้นหรือแย่ลง

งานวิจัยเผย แม้ดูเหมือนว่าแทบจะไม่มีวันใดผ่านไปโดยไม่มีข่าวเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ AI เช่น ChatGPT แต่กลับมีเพียงไม่กี่คนที่ใช้เครื่องมือเหล่านี้เป็นประจำ

ในโลกปัจจุบัน เทคโนโลยี Generative AI กำลังถูกจับตามองและพูดถึงกันอย่างกว้างขวาง  และดูจะเป็นกระแสฮือฮาไปทั่วโลกในช่วงปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะ ChatGPT จาก OpenAI ที่กลายเป็นเครื่องมือยอดนิยมอันดับหนึ่ง ตามมาด้วย Google Gemini และ Microsoft Copilot แต่เบื้องหลังกระแสความนิยมนั้น แท้จริงแล้วผู้คนส่วนใหญ่ใช้มันบ่อยแค่ไหนกัน

สถาบันรอยเตอร์และมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดได้ร่วมกันสำรวจความเห็นจากผู้คนกว่า 6,000 คน ช่วง 18 เดือนที่ผ่านมา ใน 6 ประเทศทั่วโลก ได้แก่ สหรัฐอเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส เดนมาร์ก ญี่ปุ่น และอาร์เจนตินา

ผลปรากฏว่ามีเพียง 1-2% ของคนในญี่ปุ่น ฝรั่งเศส และอังกฤษเท่านั้น ที่ใช้ ChatGPT เป็นประจำทุกวัน ขณะที่ในสหรัฐอเมริกา ตัวเลขอยู่ที่ 7%

การศึกษายังพบว่า ยังมีผู้คนอีกราว 19-30% ที่ไม่เคยได้ยินชื่อเครื่องมือ Generative AI ยอดฮิตพวกนี้เลยด้วยซ้ำ และถึงแม้หลายคนจะเคยลองใช้งานดูบ้าง แต่ส่วนใหญ่ก็ยังไม่ได้นำมาปรับใช้จริงในชีวิตประจำวันหรือการทำงานสักเท่าไร

คนรุ่นใหม่จะเป็นกลุ่มแรกๆ ที่มีแนวโน้มจะใช้เครื่องมือ Generative AI เป็นประจำ ผลสำรวจชี้ให้เห็นว่า ราว 56% ของคนอายุ 18-24 ปี เคยลองใช้ ChatGPT อย่างน้อยหนึ่งครั้ง ในขณะที่มีเพียง 16% ของผู้ที่อายุเกิน 55 ปีเท่านั้น ที่เคยสัมผัสเทคโนโลยีนี้

ChatGPT- Gemini และ Generative AI ยังเป็นแค่เทรนด์ คนใช้งานประจำน้อยมาก

ผลการศึกษายังพบว่าวัตถุประสงค์การใช้งาน Generative AI ก็มีความหลากหลาย โดย 24% ของผู้ใช้บอกว่าพวกเขานำมาใช้เพื่อแสวงหาข้อมูล ส่วนอีก 28% สร้างสรรค์ผลงานต่างๆ ตั้งแต่ข้อความ เสียง รูปภาพ ไปจนถึงวิดีโอด้วยเครื่องมือเหล่านี้

อนาคตของ Generative AI

นักวิจัยคาดการณ์ว่าในอนาคต แรงขับเคลื่อนของ Generative AI จะมาจาก 2 ทิศทางหลัก ทิศทางแรกคือผู้ที่ตั้งใจมองหาและใช้เครื่องมือ AI เฉพาะทางแบบ เช่น ChatGPT ส่วนอีกทิศทางคือการเปิดใช้ฟีเจอร์ที่ขับเคลื่อนด้วย Generative AI ผสมผสานในแพลตฟอร์มยอดนิยมที่ผู้คนใช้ในชีวิตประจำวันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นโซเชียลมีเดีย การค้นหา หรือแอปพลิเคชันต่างๆ ในสถานที่ทำงาน ดังเช่นความเคลื่อนไหวล่าสุดที่ Google ประกาศเพิ่ม Generative AI เข้ากับเสิร์ชเอนจิ้นของตัวเอง

นักวิจัยยังได้ชี้ให้เห็นอีกประเด็นที่น่าสนใจ นั่นคือทัศนคติของผู้คนที่มีต่อ Generative AI ซึ่งยังคงเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน

ผู้คนจำนวนมากยังไม่สามารถชี้ชัดได้ว่า เทคโนโลยีนี้จะนำพาชีวิตและสังคมไปในทิศทางที่ดีขึ้นหรือแย่ลงกันแน่

ChatGPT- Gemini และ Generative AI ยังเป็นแค่เทรนด์ คนใช้งานประจำน้อยมาก

แต่ก็ไม่น่าแปลกใจนัก เพราะหลายคนอาจจะยังไม่รู้จักหรือคุ้นเคยกับผลิตภัณฑ์ที่ขับเคลื่อนด้วย Generative AI สักเท่าไหร่ อีกทั้งคนส่วนใหญ่ก็ยังไม่ค่อยได้ใช้มันเป็นประจำในชีวิตประจำวัน จึงเป็นเรื่องยากที่พวกเขาจะประเมินผลกระทบของเทคโนโลยีนี้ได้อย่างชัดเจน

อย่างไรก็ตาม นักวิจัยก็ได้ข้อสังเกตว่า คนรุ่นใหม่และผู้ที่มีการศึกษาสูง ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีแนวโน้มจะใช้ Generative AI มากกว่านั้น กลับมีมุมมองเชิงบวกต่อเทคโนโลยีนี้ค่อนข้างมาก อาจเป็นเพราะคนกลุ่มนี้มักจะเปิดกว้างและพร้อมรับนวัตกรรมใหม่ๆ มากกว่านั่นเอง

สุดท้ายแล้ว ถึงเวลานี้อาจจะยังเร็วเกินไปที่จะสรุปผลดีผลเสียของ Generative AI ต่อชีวิตและสังคม แต่ที่แน่ๆ คือมันเป็นเทคโนโลยีที่กำลังพัฒนาและแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว ดังนั้นไม่ว่าเราจะเป็นสาวกหรือยังลังเลใจ สักวันหนึ่งมันก็น่าจะเข้ามามีบทบาทในชีวิตของเราอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้แน่นอน

related