มัดรวม "หุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์" Humanoid ปี 2024 ว่าที่ผู้ช่วยงานบ้านสุดล้ำ

จุดเริ่มต้น หุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ Humanoid

แนวคิดของหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ Humanoid ทำให้เราหลงใหลและทึ่งมานานหลายทศวรรษ ตั้งแต่ทศวรรษที่ 1400 เลโอนาร์โด ดาวินชี ได้ออกแบบหุ่นยนต์กลไกที่ซับซ้อนซึ่งสวมชุดเกราะ สามารถนั่ง ยืน และขยับแขนได้ ควบคุมโดยระบบรอกและสายเคเบิล

ในช่วงศตวรรษที่ 17 ถึง 19 ญี่ปุ่นสร้างหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ ที่เรียกว่าหุ่นคาราคุริ หุ่นเหล่านี้มีลักษณะคล้ายตุ๊กตา ใช้เพื่อความบันเทิงในโรงละคร และเทศกาลทางศาสนา

ต่อมาในยุคของภาพยนตร์ไซไฟ จินตนาการของเราถูกดึงดูดด้วยพฤติกรรมเหมือนมนุษย์ของเครื่องจักร ตั้งแต่ช่างไม้ดีบุกใน The Wizard of Oz ในปี 1930 ไปจนถึงเพื่อนหุ่นยนต์ C-3PO และ R2-D2 ใน Star Wars ปี 1977

ซึ่งหุ่นยนต์ที่คล้ายมนุษย์นี้ เรียกรวมๆว่า Humanoid เป็นหุ่นยนต์ประเภทหนึ่งที่ได้รับการออกแบบให้มีลักษณะและพฤติกรรมคล้ายกับมนุษย์ มีโครงสร้างสองเท้า ยืนตัวตรงเหมือนมนุษย์ และมีความสามารถในการโต้ตอบกับมนุษย์อย่างเป็นธรรมชาติ ต่างจากหุ่นยนต์อุตสาหกรรมที่มีจุดมุ่งหมายเฉพาะอื่นๆ

ส่วนประกอบสำคัญของหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ ได้แก่ หัว ลำตัว แขน และขา เลียนแบบรูปร่างของมนุษย์ ในอดีต หุ่นเหล่านี้ จะมีการติดตั้งโปรแกรมควบคุมการเคลื่อนไหว ทำให้ทำงานได้จำกัด เช่น Asimo ของฮอนด้า ซึ่งเปิดตัวในปี 2000 เพื่อสาธิตความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีใหม่ของเครื่องจักรอัจฉริยะ

แต่ในปัจจุบันหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ ขับเคลื่อนโดยเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ช่วยให้หุ่นยนต์เรียนรู้และปรับตัว เพิ่มความสามารถในการทำงานที่ซับซ้อน และใช้งานง่ายยิ่งขึ้น

ใครผลิตหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์บ้าง?

บริษัทที่มีชื่อเสียงที่ขับเคลื่อนด้านหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์  ได้แก่ ผู้เล่นที่มีชื่อเสียงอย่าง Boston Dynamics, Tesla และ Toyota และสตาร์ทอัพอย่าง Agility Robotics และ Figure โดยแต่ละบริษัทมีจุดมุ่งเน้นที่แตกต่างกัน

• Boston Dynamics

Atlas ของ Boston Dynamics ซึ่งเป็นหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ ที่ทันสมัยที่สุด ซึ่งเปิดตัวในปี 2013 โดยเป็นส่วนหนึ่งของ DARPA Robotics Challenge เพิ่งได้รับการอัปเดตให้เป็นเวอร์ชันไฟฟ้าทั้งหมด ด้วยความคล่องตัวของสองเท้า การเคลื่อนไหวที่เหมือนมนุษย์ การนำทางอัตโนมัติ และความสามารถในการเรียนรู้ 

Atlas มีทักษะทั้งร่างกายเพื่อการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วและคล่องแคล่ว ช่วยให้สามารถยกและบรรทุกสิ่งของ ทำแบบฝึกหัดที่ซับซ้อน เช่น การกระโดดและการตีลังกากลับหลัง สามารถใช้งานได้หลากหลายตั้งแต่การตอบสนองภัยพิบัติไปจนถึงงานอุตสาหกรรมที่ต้องการความคล่องตัว

• Tesla

Optimus Gen 2 ของ Tesla อยู่ระหว่างการพัฒนาเพื่อวัตถุประสงค์เชิงพาณิชย์ เป็นหุ่นยนต์อเนกประสงค์ที่สามารถช่วยทำงานได้ในหลายด้าน รวมถึงการผลิต การก่อสร้าง การดูแลสุขภาพ และความบันเทิง มีความสามารถในการเคลื่อนไหวที่แม่นยำและยืดหยุ่น และมือของหุ่นยนต์ซึ่งปรับมุมได้อิสระ 11 องศา

Optimus ทำงานบนโครงข่ายประสาทเทียมเดียวกันกับที่ขับเคลื่อนรถยนต์ของ Tesla และความเชี่ยวชาญของบริษัทในด้านเทคโนโลยีแบตเตอรี่ การตรวจจับ และการประมวลผลคาดว่าจะช่วยให้ทำงานได้อย่างคุ้มค่ากว่าคู่แข่ง CEO Elon Musk ระบุว่าต้นแบบอาจมีราคาเพียง 20,000 ดอลลาร์เมื่อวางจำหน่าย

• Agility Robotics

Amazon ใช้ Digit ของ Agility Robotics ซึ่งเป็นหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ ที่สร้างขึ้นสำหรับงานด้านลอจิสติกส์ Digit ได้รับการออกแบบให้ทำงานอย่างปลอดภัยในพื้นที่ที่ออกแบบมาสำหรับผู้คน โดยเริ่มจากการจัดการวัสดุจำนวนมากภายในคลังสินค้าและศูนย์กระจายสินค้า

ขา "ถอยหลัง" ของ Digit มีความพิเศษ ในการปลดล็อกความสามารถการเคลื่อนที่ในพื้นที่แคบ และทำงานในพื้นที่ที่เป็นชั้นวาง สายพานลำเลียง และโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ ได้ดี

• Figure

Figure 01 ของ AI ได้แสดงให้เห็นถึงความร่วมมือกับ OpenAI เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ มีหน้าตาและเคลื่อนไหวได้เหมือนมนุษย์ หุ่นยนต์สามารถเดินสองขา และใช้มือห้านิ้วหยิบลังพลาสติก ก่อนจะวางกล่องไว้บนสายพานลำเลียงได้เหมือนความเคลื่อนไหวของมนุษย์

ทำไมถึงต้องพัฒนาหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์

วัตถุประสงค์หลักประการหนึ่งของหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์คือ การช่วยเหลือมนุษย์ในด้านต่างๆ ทั้งในด้านอุตสาหกรรมไปจนถึงการเป็นผู้ช่วยในครัวเรือนเพื่อทำงานต่างๆ เช่น ทำความสะอาด ทำอาหาร และจัดบ้าน ด้วยการเลียนแบบการเคลื่อนไหวและพฤติกรรมของมนุษย์

หุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ จึงมีศักยภาพที่จะปฏิวัติอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น การดูแลสุขภาพ ความบันเทิง และการบริการลูกค้า พวกมันจะสามารถช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพ ผลผลิต และประสบการณ์ผู้ใช้โดยรวมในแอปพลิเคชันที่หลากหลาย

หุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ กำลังเป็นเทคโนโลยีที่น่าจับตามองสำหรับอนาคตอันใกล้ โดยคาดการณ์ว่าตลาดจะเติบโตสูงถึง 38 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2035 ซึ่งแสดงถึงศักยภาพอันมหาศาลของอุตสาหกรรมนี้ แต่การใช้งานในปัจจุบันยังค่อนข้างจำกัด เนื่องจากต้นทุนในการพัฒนาหุ่นยนต์เหล่านี้ยังสูงมาก อย่างไรก็ตามด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว คาดว่าราคาจะลดลงเรื่อยๆ จากเดิมที่อยู่ในช่วง 50,000-250,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัวในปีก่อน ปัจจุบันลดลงเหลือราว 30,000-150,000 ดอลลาร์แล้ว

หากแนวโน้มเป็นเช่นนี้ต่อเนื่อง ในอนาคตหุ่นยนต์หุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ น่าจะเข้าถึงได้ง่ายขึ้นสำหรับธุรกิจต่างๆ ทั้งในแง่ของราคาและประสิทธิภาพการทำงานที่ดีขึ้น ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนการเติบโตของตลาดได้อย่างมาก

ที่มา

• Peterfisk