Microsoft และ OpenAI ผู้พัฒนา ChatGPT กำลังถูกสหรัฐฯ และ สหราชอาณาจักรสอบว่า ผูกขาดทางธุรกิจหรือไม่ ? หลังความวุ่นวายจากการปลด CEO ออกเมื่อเดือนก่อน
Microsoft ยักษ์ใหญ่ด้านซอร์ฟแวร์ และ OpenAI ผู้พัฒนา ChatGPT ซึ่ง Micrisoft เข้าไปลงทุน กำลังถูกหน่วยงานด้านการป้องการการผู้ขาดการค้าตรวจสอบทั้งใน สหรัฐอเมริกา และ สหราชอาณาจักร หลังจากเรื่องดราม่าการปลด Sam Altman ซีอีโอ ของ OpenAI
สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า จากเหตุการณ์การปลด Sam Altman ซีอีโอ ของ OpenAI และดึงกลับมา ทำให้ Microsoft ในฐานะผู้ลงทุนใหญ่ ได้รับโควต้า "ผู้สังเกตการณ์" จำนวน 3 คน โดยพวกเขาสามารถเข้าถึงข้อมูลที่เป็นความลับ แต่ไม่สามารถลงคะแนนในเรื่องต่างๆ หรือเลือกตั้งหรือการเลือกกรรมการได้
แม้ว่า OpenAI จะเป็นบริษัทที่ไม่แสวงหาผลกำไรในตอนแรก และองค์กรไม่แสวงผลกำไรเป็นนิติบุคคลประเภทหนึ่งที่ไม่ค่อยถูกตรวจสอบจากกฎหมายการต่อต้านการผูกขาด แต่ในปี 2019 บริษัทได้จัดตั้งบริษัทในเครือที่ "แสวงหาผลกำไร" โดยที่ Microsoft ถือหุ้น 49% ตามการอ้างอิงของแหล่งข่าวงในที่สำนักข่าวรอยเตอร์เชื่อถือ แต่โฆษกของ Microsoft โต้แย้งว่าเมื่อวันศุกร์(8 ธ.ค.) โดยกล่าวว่า รายละเอียดของข้อตกลงเป็นความลับ Microsoft ไม่ได้เป็นเจ้าของ OpenAI และมีสิทธิ์ได้รับส่วนแบ่งกำไรหากบริษัทที่ลงทุนไปมีกำไร ตามปกติ
Microsoft พยายามที่จะอัดฉีดเงินมากกว่า 10,000 ล้านดอลลาร์ ในการเริ่มต้นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ AI ตั้งแต่ปี 2019 เพื่อทำให้บริษัทสามารถเป็นผู้นำในการแข่งขันด้านรายได้ จากปัญญาประดิษฐ์ (AI) กับ Google
มีรายงานว่า หน่วยงานด้านการแข่งขันและการตลาดแห่งสหราชอาณาจักร (CMA) และ คณะกรรมาธิการว่าด้วยการค้าแห่งสหพันธรัฐ ของสหรัฐอเมริกา (FTC) กำลังตรวจสอบย้อนหลังว่า การลงทุนของ Microsoft จะเป็นการผูกขาดการค้าหรือไม่ ? แม้ในรายงานข่าวที่อ้างอิงจาก สำนักข่าว Bloomberg จะบอกว่าเป็นการตรวจสอบแค่ชั้นต้นเท่านั้น
ด้าน Brad Smith ประธาน Microsoft กล่าวในแถลงการณ์ว่า "สิ่งเดียวที่เปลี่ยนแปลงคือ Microsoft จะมีผู้สังเกตการณ์ที่ลงคะแนนในคณะกรรมการของ OpenAI ไม่ได้ และ (นั่น) แตกต่างอย่างมากจากการซื้อกิจการ เช่น การซื้อ DeepMind ของ Google ในสหราชอาณาจักร” (โดยอ้างถึงข้อตกลงของคู่แข่งหลักในปี 2014)
การสอบสวนด้านกฎระเบียบอื่น ๆ อาจตามมาเนื่องจาก AI มีความเข้มข้นมากขึ้น Max von Thun ผู้อำนวยการยุโรปของ Open Markets Institute ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่มุ่งเน้นการเสริมสร้างกฎหมายต่อต้านการผูกขาด มองว่า “หน่วยงานต่อต้านการผูกขาดจะต้องดำเนินการอย่างรวดเร็วอย่างยิ่ง เพื่อตรวจสอบข้อตกลงเหล่านี้ รวมถึงคลี่คลายหากจำเป็น เพื่อรักษาการแข่งขันและป้องกันไม่ให้เทคโนโลยีเกิดใหม่ที่สำคัญนี้เกิดการถูกผูกขาด”
อ่านเรื่องราวที่เกี่ยวข้อง