Google โดนโจมตีจากรัฐ ผูกขาดธุรกิจการค้นหา และจ่ายเงินมหาศาลให้ผู้ผลิต
แม้ Google จะเปิดให้ใช้งานระบบการค้นหามาหลายปี ต้องยอมรับว่าพวกเขาเดินเกมถูก เพราะคู่แข่งด้านเทคโนโลยี ต่างก็ต้องหาจุดเด่นให้เจอเพื่อให้มีผู้ใช้งานจำนวนมาก จนเป็นโอกาสต่างๆ อีกมาก
Google ของ Alphabet Inc. ถือว่าเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ทุกบริษัท ทั้งมือถือ คอมพิวเตอร์ ต่างก็ต้องติดตั้งไว้ภายในเครื่อง เพราะเป็นจุดเริ่มต้นในการค้นหาข้อมูล
ด้วยความที่เป็นเครื่องมือการค้นหาที่ดีที่สุด ในมุมมองของผู้ใช้งานและเจ้าของธุรกิจต่างๆ การที่ได้ผูกขาดโอกาสดีๆ แบบนี้ ไม่ใช่เพราะขาดการแข่งขัน แต่เป็นเพราะผู้บริโภคคุ้นเคย และคู่แข่งก็ยังไม่สามารถแย่งชิงโอกาสจากความสามารถในการค้นหาของ Google ได้
John Schmidtlein หุ้นส่วนของ Williams & Connolly เป็นตัวแทนขององค์กรในการเล่าถึง Google ว่า
เหตุผลที่ผู้บริโภคเลือกใช้ Google เพราะตอบสนองการใช้งานให้รู้สึกว่าคุ้มกับการเปิดใช้งาน แม้ในปัจจุบันจะมีตัวเลือกในการค้นหาและวิธีเข้าถึงข้อมูลบนโลกออนไลน์มากขึ้น
แม้เด็กรุ่นใหม่ที่ใช้ TikTok จะใช้แพลตฟอร์มวีดิโอสั้นในการค้นหาข่าวสาร แต่ก่อนหน้านี้ คนเหล่านี้ก็เคยใช้ Facebook ในการค้นหาข้อมูลข่าวสารมาก่อน
แต่สุดท้ายแล้วก็ยังต้องใช้ Google ในการค้นหาสินค้าและบริการที่ตนเองต้องการอยู่ดี
อย่างไรก็ตาม ในสหรัฐฯ Google ยังคงติดปัญหาเรื่องการเป็นเครื่องมือผูกขาดทางเทคโนโลยีหรือไม่
แม้จะมีการพิจารณาคดีเรื่องการผูกขาดทางธุรกิจมาหลายครั้ง แต่รัฐบาลกลางก็ยังพยายามที่จะสู้กับบริษัทเทคโนโลยีรายนี้ มานานกว่าสองทศวรรษ
ทั้งนี้ กระทรวงยุติธรรมและอัยการสูงสุด กว่า 52 รายจากหน่วยงานกลางและภูมิภาคของสหรัฐฯ ยังคงพยายาม กล่าวหาว่า Google รักษาการผูกขาดของตนอย่างผิดกฎหมาย โดยจ่ายเงินหลายพันล้านเหรียญให้กับคู่แข่งทางเทคโนโลยี ผู้ผลิตสมาร์ทโฟน และผู้ให้บริการระบบไร้สาย ที่ถูกระบุว่าเป็น Apple, Samsung, Mozilla และบริษัทอื่นๆ อีกมาก เพื่อแลกกับการถูกตั้งค่าเป็นตัวเลือกหรือค่าเริ่มต้นที่เลือกไว้ล่วงหน้าบนโทรศัพท์มือถือและเว็บเบราว์เซอร์
แต่คำกล่าวอ้างนี้ ก็ยังคงไม่มีเหตุผลและความน่าเชื่อถือที่ดีพอสำหรับศาล เพราะถ้ามองในเรื่องของความต้องการใช้งานของผู้บริโภค ก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติที่บริษัทผู้ผลิตเหล่านี้จะติดตั้งเครื่องมือสำคัญๆ ไว้ให้ลูกค้าในหน้าแรกของผลิตภัณฑ์
และ Google ก็ยังคงชนะคดีเกี่ยวกับข้อหานี้เช่นเดิม
ที่มา : BBC
อ่านข่าวอื่นๆ เพิ่มเติม
