โหวตนายก ต้องออกเสียงอย่างเปิดเผย ทั้งที่มีระบบเสียบบัตร ออกเสียง ผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ ในรัฐสภาเกียกกาย อัปเดตผลนับคะแนนโหวตนายกล่าสุด
การโหวตนายก ที่ รัฐสภาเกียกกาย ถูกเลือกโดยการลุกขึ้นออกเสียงตามรายชื่อ เรียงจาก ก-ฮ ตามพยัญชนะไทย ทีละคน จนครบจำนวน ส.ส. และ ส.ว. ทั้งสิ้น 750 คน
ทำไมถึงไม่กดเลือกนายกไปเลย ไม่กี่นาทีจบ ?
รัฐสภาเกียกกาย มีระบบเสียบบัตรแสดงตนและระบบออกเสียงเห็นชอบ และ ไม่เห็นชอบ ณ ที่นั่ง ส.ส. และ ส.ว. ตามจำนวนผู้เข้าประชุม แต่เนื่องจากตามบทเฉพาะกาลในรัฐธรรมนูญ 60 (มาตรา 272) บัญญัติให้ การพิจารณาให้ความเห็นชอบนายกรัฐมตรีให้กระทำในที่ประชมร่วมกันของรัฐสภา (ส.ส. และ ส.ว. ประชุมร่วมกัน) และต้องมีคะแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้ง 2 สภา หรือ 376 เสียงโดยปีนี้จะเป็นปีสุดท้ายที่ ส.ว.มีสิทธิเลือกนายกรัฐมนตรี
อ่านเรื่องราวที่เกี่ยวข้อง
การโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีให้กระทำเป็นการเปิดเผย โดยเลขาธิการจะเรียกชื่อสมาชิก ส.ส. และ ส.ว. ตามลำดับอักษรเป็นรายบุคคล และให้ออกเสียงโดยการกล่าวชื่อบุคคลที่เห็นชอบ
ทั้งนี้ สภาไทย เคยมีกรณีที่นักการเมืองบางกลุ่มอาศัยช่องโหว่ทุจริต ในการกดบัตรแทนกัน ส่งผลให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ โดยคดีล่าสุดที่ศาลตัดสิน คือ ปี 2563 ขณะที่สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 วงเงิน 3.2 ล้านล้านบาท โดยจำเลยมีความผิดตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172 จำคุก 1 ปี และปรับ 2 แสนบาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี
ผลการนับคะแนนโหวตนายกอย่างเป็นการทาง มีมติ เห็นชอบ 322 คะแนน ไม่เห็นชอบ 182 งดออกเสียง 197 คะแนน ส่งผลให้ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ไม่ผ่านเกณฑ์ 375 เสียงชวดเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย