Twitter ได้ถอนตัวออกจากหลักปฏิบัติของสหภาพยุโรปเกี่ยวกับการบิดเบือนข้อมูลออนไลน์ หลังมีใบเตือนหลายรอบแต่ไม่ได้รับการปรับปรุง
Thierry Breton กรรมาธิการตลาดภายในของ EU ได้ออกใบเตือนไปยังทวิตเตอร์หลายครั้งแล้ว แต่ไม่มีผลตอบกลับมา ทำให้ทวิตเตอร์ต้องถอนตัวออกจากหลักปฏิบัติของสหภาพยุโรปเกี่ยวกับการบิดเบือนข้อมูลข่าวสารบนโลกออนไลน์
“Twitter ต้องออกจากหลักปฏิบัติโดยสมัครใจของสหภาพยุโรป จากปัญหาต่อการบิดเบือนข้อมูล แต่ยังคงมีภาระผูกพันอยู่”
Breton โพสต์อธิบายบนโซเชียลมีเดียว่า การอ้างถึงภาระผูกพันที่แพลตฟอร์มจำเป็นต้องปฏิบัติตาม ถือว่าเป็นไปตามข้อกฎหมายที่เรียกว่าแพลตฟอร์มออนไลน์ขนาดใหญ่มาก (VLOP) ภายใต้พระราชบัญญัติบริการดิจิทัล (DSA) ของสหภาพยุโรป
นอกจากคำมั่นสัญญาโดยสมัครใจแล้ว การต่อสู้กับข้อมูลที่บิดเบือนเป็นไปตามข้อผูกมัดทางกฏหมายภายใต้เงื่อนไข #DSA ตั้งแต่ 25 สิงหาคมที่ผ่านมา
โดยหนึ่งในข้อกฏหมายทั่วไปของสหภาพยุโรป มีข้อบังคับให้ VLOP เช่น Twitter ประเมินและลดความเสี่ยงเชิงระบบต่อวาทกรรมของพลเมืองและกระบวนการเลือกตั้ง เช่น การบิดเบือนข้อมูล
อ่านข่าวอื่นๆ เพิ่มเติม
อย่างไรก็ตาม กำหนดเวลาสำหรับการปฏิบัติตามข้อผูกพันของ VLOPs ใน DSA คือสามเดือนนับจากนี้ ซึ่งทาง EU ได้ส่งคำขอความคิดเห็นที่ส่งทางอีเมลไปยังสำนักข่าวของ Twitter กลับได้รับการตอบกลับอัตโนมัติที่มีอิโมจิรูปอุนจิ
ทั้งนี้ ผู้บริหารคนก่อนของ Twitter ได้ลงนามในแพลตฟอร์มดังกล่าวเพื่อบังคับใช้ EU Code on Disinformation โดยสมัครใจในปี 2018
แต่ Elon Musk ผู้บริหาร Twitter คนปัจจุบัน กลับไม่สนใจปัญหาดังกล่าว รวมทั้งตั้งใจที่จะต่อสู้กับ EU ในเรื่องการควบคุมคำพูด อ้างอิงจากคำพูดของเขาก่อนหน้านี้ ที่เคยพูดกับ Breton ด้วยตนเอง
นี่เป็นการต่อสู้ที่มีราคาแพงสำหรับ Musk ที่จะเลือกละเมิด DSA และสามารถดึงดูดบทลงโทษได้มากถึง 6% ของผลประกอบการประจำปี
อย่างไรก็ตาม คณะกรรมาธิการยังเตือนด้วยว่า การไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงอย่างจริงจังซ้ำๆ อาจนำไปสู่การปิดกั้นการเข้าถึงบริการ ซึ่งทำให้ Twitter สูญเสียการเข้าถึงภูมิภาคที่มีผู้บริโภคประมาณ 440 ล้านคน
โดย EU กำหนดให้ทวิตเตอร์ดำเนินการเพื่อต่อสู้กับการส่งต่อข้อมูลเท็จผ่านเครือข่ายในบริการของตนเอง โดยกำหนดที่เป้าหมายรายได้จากโฆษณา จัดการปัญหาบอทและบัญชีปลอม รวมทั้งจัดหาเครื่องมือให้ผู้บริโภคเกี่ยวกับการรายงานข้อมูลที่บิดเบือนและให้อำนาจต่อนักวิจัยในการเข้าไปศึกษาข้อมูล
ทั้งนี้ เดือนมิถุนายน 2565 ที่ผ่านมาคณะกรรมการได้เปิดตัว Rulebook ฉบับปรับปรุงและประกาศศูนย์ความโปร่งใสเพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติตาม รวมทั้งประกาศหลักจรรยาบรรณ รวมทั้งการปฏิบัติตาม DSA ของผู้ลงนามด้วย
ดังนั้น การจงใจถอนตัว Twitter ในตอนนี้ ก่อนที่กฏหมายจะมีผลบังคับในอีก 3 เดือนข้างหน้า สะท้อนว่าพวกเขาต้องการพลิกกฏบริการดิจิทัลของสหภาพฯ
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่ มัสก์ จะเข้ามาบริหารต้องยอมรับว่าทวิตเตอร์ไม่เก่งในการแก้ปัญหาเครือข่ายบอทหรือกำจัดข่าวปลอมใดๆ ได้เลย
พอ มัสก์ เข้ามาซื้อกิจการมูลค่า 44,000 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ ยิ่งทำให้เห็นการถอยหลังให้แก่หลักการต่อต้านหรือแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ชัดเจน โดย มัสก์ ไม่ดำเนินการตามขั้นตอนที่ควรจะเป็น แต่กลับดำเนินการขั้นตอนที่เป็นอันตรายอย่างชัดเจน
ไม่ว่าจะเป็น การลดจำนวนพนักงานลง การเรียกเก็บเงินจากนักวิจัยภายนอกในการเข้าถึงข้อมูลผ่าน API จึงเป็นการขัดขวางความสามารถของบุคคลภายนอกในการศึกษาประเด็นต่างๆ มีผลให้ข้อมูลที่ได้มาไม่เสถียร และกระตุ้นให้เกิดความวุ่นวายบนทวิตเตอร์
การต่อต้านของ มัสก์ ในครั้งนี้ อาจจะส่งผลให้เขาต้องเผชิญหน้าโดยตรงกับ หน่วยงานกำกับดูแลในสหภาพยุโรป และเหมือนจะเป็นการต่อสู้ที่มีราคาแพง