Godfather ของเอไอ ออกอาการไม่ปลื้มอย่างแรง เมื่อเขารู้สึกตัวแล้วว่า นักวิทยาศาสตร์อย่างพวกเขาอาจคุม AI ไม่ได้ แถมพวกมันยังฉลาดถึงขั้น "หนี" วิธีควบคุมจากผู้สร้างได้ หากไม่มีกฏหมายควบคุมที่ดีพอ มนุษย์อาจกลายเป็นผู้ที่ถูกคุมแทน
เจฟฟรีย์ ฮินตัน หรือที่รู้จักกันในชื่อ “เจ้าพ่อแห่ง AI” ตัดสินใจเป่านกหวีดให้กับเทคโนโลยีที่ตนเองสร้างมากับมือ หลังมีความกังวลขั้นสุดว่าเอไอมีแนวโน้ม "ฉลาดเกินไป" จนไม่สามารถควบคุมได้อีกต่อไป
โดย เจฟฟรีย์ ได้ให้สัมภาษณ์กับทาง CNN และ Newyork Time ว่า
"เขารู้สึกว่าเอไอฉลาดกว่านักวิทยาศาสตร์ที่เป็นมนุษย์ และการที่เขาออกมาส่งสัญญาณเพราะต้องการให้หยุดพัฒนาเทคโนโลยีนี้อย่างจริงจัง เพราะในอนาคตมนุษย์อาจจะถูกเอไอควบคุมแทน"
อ่านข่าวอื่นๆ เพิ่มเติม
นอกจากนี้ ฮินตัน ยังรู้สึกกังวัลเกี่ยวกับศักยภาพของเอไอในการจัดการงานและสร้างโลกทับซ้อนขึ้นมาจนมนุษย์อาจจะแยกไม่ออกแล้วว่าอะไรคือความจริง อะไรคือโลกเสมือน
"เราต้องเลิกคิดมนุษย์ฉลาดกว่าเทคโนโลยี เพราะเอไอเรียนรู้ความฉลาดนั้นจากมนุษย์ และอาจจะหนักถึงขั้นบงการมนุษย์เราก็เป็นได้"
อย่างไรก็ตาม ฮินตัน ไม่ใช่ผู้นำด้านเทคโนโลยีเพียงคนเดียวที่พูดถึงความกังวลเกี่ยวกับเอไอ เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมาได้มีนักวิทยาศาสตร์จำนวนหนึ่งออกมาลงนานในจดหมายเปิดผนึก เพื่อเรียกร้องให้ห้องทดลองและปฏิบัติการณ์ด้านเอไอ "หยุด" การฝึกอบรมและทดสอบระบบเอไอเป็นเวลาอย่างน้อย 6 เดือน โดยใช้ยาแรงว่า "อาจส่งผลด้านความเสี่ยงร้ายแรงต่อสังคมและมนุษยชาติ"
จดหมายดังกล่าวเผยแพร่โดย Future of Life Institute ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงผลกำไร ได้รับการสนับสนุนจาก อีลอน มัสก์ หลังจากที่ OpenAI ประกาศเปิดตัว GPT-4 เพียง 2 สัปดาห์ และได้รับการยอมรับว่าเป็นเทคโนโลยีที่ทรงพลังอย่างยิ่งในการขับเคลื่อนแชทบอท และมีการทดสอบด้วยการใช้ ChatGPT ในการร่างคดีความ และสร้างเว็บไซต์ที่ใช้งานได้จากภาพร่างที่วาดด้วยมือ
เช่นเดียวกับ Steve Wozniak ผู้ร่วมก่อตั้งของ Apple ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ลงนามในจดหมายดังกล่าว ที่แสดงความกังวลเกี่ยวกับศักยภาพของเอไอว่า ทีมนักวิจัยไม่ได้ทำการเปลี่ยนแปลงใดๆ แต่เราคาดหวังให้มีกฏหมายออกมาควบคุมและดูแลแนวทางในการพัฒนาเทคโนโลยีบางประเภท
แม้นักวิทยาศาสตร์เหล่านี้จะไม่สามารถ "หยุด" ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีได้ แต่พวกเขาคาดหวังว่าจะแก้ปัญหานี้ได้ แต่ก็ทิ้งท้ายว่าพวกเขา "ยังไม่มีทางออกที่ชัดเจนในตอนนี้"
ที่มา : CNN, SiliconAngel, TheGuardian