svasdssvasds

ชัยวุฒิ ไม่เชื่อ 9near มี 55 ล้านรายชื่อหลุด เพราะไม่มีหน่วยงานไหนมีขนาดนั้น

ชัยวุฒิ ไม่เชื่อ 9near มี 55 ล้านรายชื่อหลุด เพราะไม่มีหน่วยงานไหนมีขนาดนั้น

ชัยวุฒิ แจงด่วนกรณีข้อมูลรั่วไหลหลุดออกมา 55 ล้านราย โต้กลับ ไม่เชื่อว่ามีรายชื่อจริง เพราะ ไม่มีหน่วยงานไหนมีขนาดนั้น ระบุตรวจสอบพบแล้วว่าคนร้ายคือใคร ด้าน อ.ปริญญาฯ ที่ถูกกล่าวถึงบนเว็บไซต์ 9near.org ได้เข้าแจ้งความเรียบร้อยแล้ว

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวถึงกรณี ผู้ใช้งานบัญชี “9near” ได้โพสต์ขายข้อมูลที่อ้างว่าเป็นข้อมูลส่วนตัวของคนไทยกว่า 55 ล้านรายการ บนเว็บไซต์ Bleach Forums

ที่มีการกล่าวอ้างว่าได้มาจากหน่วยงานรัฐแห่งหนึ่งในไทย (Somewhere in government) และโพสต์ ตัวอย่างไฟล์ ซึ่งมี ชื่อ นามสกุล ที่อยู่ วันเกิด เบอร์โทรศัพท์ และเลขประจําตัวประชาชน รวมทั้งมีการโพสต์ ลักษณะข่มขู่หน่วยงานและประชาชนในวงกว้าง

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 30 มี.ค. 66 เว็บไซต์ 9near.org (https://9near.org/) ซึ่งเป็นชื่อเดียวกับบัญชี 9near โพสต์ ขายข้อมูลบนเว็บไซต์ Bleach Forums) ได้แอบอ้างใส่ชื่อ นายปริญญา หอมเอนก (อ.ปริญญา) เป็นผู้สนับสนุน (Sponsored By ...) พร้อมทั้ง นํา Youtube Video Clip สัมภาษณ์ อ.ปริญญาฯ รายการ Digital Life Spring ช่อง Spring News ใส่บนเว็บไซต์ด้วย

ในเว็บไซต์ มีลิงก์ดาวน์โหลดไฟล์ข้อมูล (!! Download !!) ซึ่งเป็นไฟล์ข้อมูล รายชื่อ วันเกิด ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ โดยมีการปิดบังในลักษณะ xxxx ไม่แสดงข้อมูลทั้งหมด ส่วนด้านล่างของเว็บไซต์ ได้ระบุข้อความในลักษณะข่มขู่ให้ผู้คิดว่าข้อมูลของตนรั่วไหล ติดต่อกลับไปก่อนวันที่ 5 เม.ย. 16.00 น. เวลาประเทศไทย ไม่เช่นนั้นจะทําการเผยแพร่ข้อมูล

ทั้งนี้ อ.ปริญญา ได้เข้าแจ้งความกับกองบังคับการ ปราบปรามการกระทําผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) แล้ว ในวันเดียวกัน

ชัยวุฒิ ไม่เชื่อ 9near มี 55 ล้านรายชื่อหลุด เพราะไม่มีหน่วยงานไหนมีขนาดนั้น

อ่านข่าวอื่นๆ เพิ่มเติม

ด้านผู้ประกาศข่าว นายสรยุทธ์ สุทัศนจินดา ได้โพสต์ข้อความใน facebook ส่วนตัว ว่าได้รับข้อความ SMS ข้อมูลส่วนบุคคลของตน ประกอบด้วย เลขบัตรประชาชน 13 หลัก, วันเดือนปีเกิด , ที่อยู่ , เบอร์มือถือ จาก 9near 

โดยนายชัยวุฒิร้องขอให้นายสรยุทธ์ สุทัศนะจินดา ผู้ประกาศข่าวชื่อดังให้ออกมาแจ้งความเกี่ยวกับกรณีนี้ทันทีเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการจับกุมผู้กระทำความผิด เพราะขณะนี้สืบทราบพบแล้วว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายในเขตพื้นที่ประเทศไทย ผ่านเครือข่ายโอเปอเรเตอร์เจ้าหนึ่ง ที่กระทำการปล่อยข้อมูลส่วนตัวออกมาโดยไม่ทราบวัตถุประสงค์

แนวทางการดําเนินการของกระทรวงดิจิทัลฯ ต่อ 9near

  1. ทางหน่วยงานได้มีการประสานผู้ให้บริการ domain name สําหรับเว็บไซต์ 9near.org (Namesilo, LLC) ซึ่งเป็น ผู้ให้บริการในต่างประเทศ เพื่อขอปิดกั้นเว็บไซต์ 9near.org ตั้งแต่วันพุธที่ 29 มี.ค. 66 เวลา 19.00 น. เนื่องจากมี การละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลของผู้อื่น และระบุข้อความในลักษณะข่มขู่ให้ผู้คิดว่าข้อมูลของตนรั่วไหล ติดต่อกลับไป ซึ่งเข้าข่ายกระทบต่อความมั่นคงของประเทศทําให้ประชาชนตื่นตระหนก แต่ขณะนี้ ยังไม่ได้รับการตอบรับหรือ ดําเนินการจากผู้ให้บริการ
  2. กระทรวงดิจิทัลฯ อยู่ระหว่างดําเนินการขอคําสั่งศาลตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยการกระทําความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ซึ่งอาจเข้าข่าย
  • มาตรา 14 (2) นําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิด ความเสียหายต่อการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ ความมั่นคงในทาง เศรษฐกิจของประเทศ หรือโครงสร้างพื้นฐานอันเป็นประโยชน์สาธารณะของประเทศ หรือก่อให้เกิดความตื่น ตระหนกแก่ประชาชน หรือ
  • มาตรา 20 (2) ข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่อาจกระทบกระเทือนต่อความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรตามท่ี กําหนดไว้ในภาค 2 ลักษณะ 1 หรือลักษณะ 1/1 แห่งประมวลกฎหมายอาญา

ในขณะเดียวกัน กระทรวงดิจิทัลฯ อยู่ระหว่างประสานผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตในประเทศ (เช่น AIS True NT) เพื่อดําเนินการปิดกั้นเว็บไซต์ดังกล่าวด้วย นอกจากนี้ ดศ. อยู่ระหว่างประสานสํานักงานคณะกรรมการคุ้มครอง ข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) เพื่อสอบถามข้อมูลว่ามีหน่วยงานภาครัฐแจ้งว่ามีข้อมูลรั่วไหลหรือไม่

ทั้งนี้ โทษที่เกี่ยวข้องสูง โดยความผิดตาม พรบ. คอมพิวเตอร์ ฯ โทษสูงสุด จําคุก 5 ปี และการนําข้อมูล ส่วนบุคคลไปใช้อย่างผิดกฎหมาย เข้าข่ายผิด พรบ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล อาจถูก จําคุก 1 ปี หรือปรับ 1 ล้าน บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ ต่อ 1 กรรม หรือต่อผู้เสียหาย 1 คน ได้ ซึ่งทําให้คนร้ายอาจถูกลงโทษจําคุกเป็น ร้อยปีได้ขึ้นกับข้อเท็จจริง และข้อมูลที่นําไปใช้กระทําผิดกฎหมายหรือเผยแพร่ทําให้ผู้อื่นเสียหาย

3) กระทรวงดิจิทัลฯ ได้ประสานสํานักงานตํารวจแห่งชาติเพื่อหาข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้อง และดําเนินการหาตัวผู้กระทํา ความผิด

นายชัยวุฒิ กล่าวว่า “ได้สั่งการให้เร่งจัดการอย่างเรื่องนี้อย่างเด็ดขาด ประสานตํารวจหาหลักฐานและตัว ผู้กระทําความผิดมาลงโทษ และขอฝากเตือนไปยังผู้ที่จะนําข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้ผิดกฎหมาย ระวังโทษหนัก ทั้งจําคุกทั้งปรับ

นอกจากนี้ นายชัยวุฒิ ยังกล่าวอีกว่า ทางกระทรวงฯ จะเข้าไปพูดคุยกับหน่วยงานของทั้งภาครัฐและออกชนในเรื่องของการจัดเก็บข้อมูลให้รัดกุมเพราะไทยต้องเดินหน้าเรื่องการขายออนไลน์กับต่างชาติ การที่ฐานข้อมูลยังไม่ได้ลงทุนอัปเกรด หรือมีระบบที่ปลอดภัยเพียงพอ ก็จะมีความเสี่ยงแบบนี้บ่อยครั้ง 

นอกจากนี้ หากตรวจพบว่าการหลุดของข้อมูลมาจากหน่วยงานภาครัฐ ทางกระทรวงฯ ก็จะเข้าไปดูแลให้คำแนะนำ

“ทางเราเข้าใจว่าภาครัฐก็จำเป็นต้องปรับตัวจากการทำงานแบบเดิมให้เป็นออนไลน์ ทุกอย่างต้องใช้เงิน การมีค่าใช้จ่ายอาจจะทำให้การปรับเปลี่ยนใดๆ ล่าช้าเพราะต้องรองบจากส่วนกลาง ทางเราจะเข้าไปดูแลและช่วยให้คำปรึกษาอย่างเหมาะสม”

ขณะที่ นายชัยวุฒิ ให้สัมภาษณ์หลังแถลงข่าว ระบุว่า "ไม่เชื่อว่าแฮกเกอร์ 9near จะมีข้อมูลคนไทยถึง 55 ล้านรายชื่อจริง เพราะ ไม่มีหน่วยงานไทยหน่วยงานไหมมีข้อมูลเยอะขนาดนั้น"

related