เมื่อ Google เปิดให้บริการ Google Wallet (Google Pay) ในประเทศไทย กลายเป็นเรื่องน่าจับตามองเมื่อปลาใหญ่ บริษัทระดับโลกเข้ามาเปิดให้บริการในไทยจะทำให้ ผู้ให้บริการกระเป๋าเงินดิจิทัล เจ้าอื่น ๆ ในไทย เหงื่อตกหรือไม่ ?
ก่อนที่เราจะไปดูว่า Google Wallet (Google Pay) จะเข้ามาทำให้ผู้ให้บริการรายอื่นได้รับผลกระทบได้อย่างไร ? ให้ทำความเข้าใจก่อนว่า Google Pay ไม่ใช่ Google Play และ Google Pay ถูกพัฒนาและเปลี่ยนชื่อมาเป็น Google Wallet
Google Wallet คืออะไร ?
กรุงเทพธุรกิจ อธิบายง่าย ๆ ไว้ว่า Google Wallet (Google Pay) เป็นแอปพลิเคชันที่ให้บริการเสมือนกระเป๋าสตางค์ ที่จะรวบรวมช่องทางการชำระเงินของคุณเอาไว้ในที่เดียว โดยเฉพาะบัตรเครดิตกับบัตรเดบิตทั้ง VISA และ Mastercard รวมไปถึงบัตรอื่นๆ ที่เกี่ยวกับชีวิตประจำวัน เช่น ตั๋วเครื่องบิน, ตั๋วต่างๆ, บัตรผ่าน, คีย์การ์ดอิเล็กทรอนิกส์ และบัตรประจำตัว โดยที่ทาง Google รับรองว่าเป็นวิธีปลอดภัยมาก ๆ
ซึ่งแตกต่างจาก Google Pay ที่มีมาก่อนหน้านี้ ตรงที่ Google Pay ทำหน้าที่เป็นช่องทางชำระเงินสำหรับการซื้อสินค้าออนไลน์ แต่ Google Wallet ทำหน้าที่เป็นกระเป๋าสตางค์ดิจิทัลที่ใช้ชำระเงินกับการใช้จ่ายได้ทั้งแบบออนไลน์และหน้าร้าน (ที่รองรับ)
หากเปรียบเทียบง่าย ๆ ก็เปรียบได้เหมือนกับแอปฯ Truemoney Wallet ที่สามารถเติมเงินเข้าไปใช้จ่ายเงิน และตัดบัตรผ่านบริการของแอปฯ ได้
Google Wallet ทำงานอย่างไร ?
เราสามารถโหลดและติดตั้ง แอปพลิเคชัน "Google Wallet" ซึ่งมีให้ดาวน์โหลดฟรีใน Play store ฝั่งแอนดรอยด์เท่านั้น ส่วนฝั่ง iOS จะไม่รองรับบริการนี้ เพราะมี Apple Wallet อยู่แล้ว
ซึ่งวิธีใช้จ่ายผ่านกระเป๋าเงินกูเกิลนี้ เพียงแค่เปิดระบบ NFC (Near Field Communication) บนโทรศัพท์มือถือ เปิดแอปฯ แล้วใช้มือถือแตะกับเครื่องจ่ายเงินที่มีระบบ NFC เท่านี้เราก็สามารถจ่ายได้โดยไม่ต้องขยับมือถือเข้าออกเพื่อให้กล้องสแกนแบบ QR Code
ซึ่งจะสามารถผูกบัตรได้ทั้ง VISA , Mastercard หรือบัตรธนาคารกรุงไทย (KTC) หรือ ธนาคารกรุงเทพ (BBL)
ส่วนตั๋วเครื่องบิน ตอนนี้มีสายการบิน Air Asia เท่านั้นที่รองรับการใช้งานในประเทศไทย
แต่ในหมวดหมู่บัตรสมาชิกกับบัตรสะสมแต้มปัจจุบันมีหลายร้านที่เข้าร่วม ยกตัวอย่างเช่น Starbucks, 7-Eleven, Watsons, Shell, Tesco, Boots, Uniqlo, Esso, Bangchak เป็นต้น
เรื่องราวที่เกี่ยวข้อง
นี่จะเป็นอวสานกระเป๋าสตางค์หรือไม่ ?
KT Review ระบุไว้ว่า ดูเหมือน "Google Wallet" จะเข้าใกล้คำว่าสังคมไร้เงินสดอย่างเป็นรูปธรรมมากที่สุดแล้ว เพราะการใช้งานที่ง่าย และรวบรวมทุกบัตรที่จำเป็นเอาไว้ได้ในที่เดียวแบบนี้ช่วยอำนวยความสะดวกให้รู้สึกน่าใช้กว่าการต้องเปิดหลายแอปจนบางทีก็ลืมไปแล้วว่ามีแอปอะไรบ้าง
แต่จะไปไกลถึงขั้นเงินสดจะหายไปหรือบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตที่เป็นใบๆ จะหายไปเลยหรือไม่ในเร็ววัน คงยังไม่ใช่ เพราะด้วยข้อจำกัดเช่นการต้องใช้สมาร์ทโฟน ถ้าหากแบตหมดโดยไม่มีที่ชาร์จ ล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้อย่างน้อย แม้คนจะไม่ค่อยถือเงินสด แล้วหันมาจ่ายผ่านบัตรหรือการสแกนจ่ายด้วยแอปพลิเคชันมากขึ้น แต่การพกบัตรเอาไว้ก็ยังอุ่นใจได้ว่าจะไม่อดตาย
ปลาใหญ่จะกินปลาเล็กไหม ?
SPRiNG มองว่า การเข้ามาของ Google Wallet (Google Pay) อาจสร้างผลกระทบให้กับผู้ให้บริการกระเป๋าเงินดิจิทัลสัญชาติไทย เพราะด้วยราศีที่ใหญ่และมาตรฐานระดับโลกที่ Google มี แต่ขณะเดียวกันก็สร้างการแข่งขันบทใหม่ให้ผู้บริการไทยได้พัฒนาประสิทธิภาพและมาตรฐานของกระเป๋าเงินดิจิทัลให้เทียบเท่าระดับโลกเช่นกัน
หลังจากนี้ เราอาจได้เห็นแต่ละแพลตฟอร์มผู้ให้บริการกระเป๋าเงินดิจิทัล แข่งกันใช้สายป่านที่มีดึงพันธมิตรมาเป็นข้อได้เปรียบของแพลตฟอร์มอย่างดุเดือดมากยิ่งขึ้น ทั้งโปรโมชั่น Cashback และส่วนลดที่ล่อตาล่อใจผู้ใช้ รวมถึงสินเชื่อภายในแอปฯ ด้วย