รีวิว MINI Aceman SE รถยนต์ไฟฟ้าสไตล์มินิ ที่มาพร้อมเทคโนโลยีล้ำสมัยรอบคัน

MINI Aceman SE ถือเป็นรุ่นกลางระหว่าง MINI Cooper และ MINI Countryman ซึ่งครั้งนี้มาพร้อมดีไซน์ภายนอกที่โดดเด่นด้วยเส้นสายบริเวณซุ้มล้อที่ไม่เหมือนใคร, ล้อขนาด 18 นิ้ว ลาย Night Flash แบบสลับสี, ชุดไฟหน้าระบบ LED และไฟท้ายใหม่

มิติตัวรถ MINI Aceman SE ความยาว : 4,079 มม. x ความกว้าง : 1,754 มม. x ความสูง : 1,514 มม. x ฐานล้อ : 2,606 มม. พื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลัง : 303 ลิตร, เมื่อพับเบาะหลัง : 1,005 ลิตร

MINI Aceman SE ยังมาพร้อมระบบ MINI Digital Key Plus สามารถใช้สมาร์ทโฟนในการล็อกและปลดล็อกรถ รวมถึงฟังก์ชันอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง และฟังก์ชัน Welcome Projection ที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการเปิด-ปิดรถ 

ภายในห้องโดยสาร Aceman SE ได้รับการออกแบบให้มีความทันสมัยและกว้างขวาง โดดเด่นด้วยหลังคากระจก Panorama Glass Roof เบาะหน้าสไตล์สปอร์ต John Cooper Works พร้อมระบบนวด หน้าจอ OLED ทรงกลมขนาด 240 มม. บนคอนโซลหน้า และแถบไฟ Ambient Light รอบ Panorama Glass Roof

นอกจากนี้ MINI Aceman SE ยังมาพร้อมเทคโนโลยีและฟีเจอร์ใหม่ๆมากมาย อาทิเช่น

MINI Experience Modes : โหมดปรับแต่งบรรยากาศในห้องโดยสาร 8 โหมด (Core, Go-Kart, Green, Personol, Vivid, Relax, Trail และ Personal)

MINI Operating System 9 : ระบบปฏิบัติการใหม่ล่าสุด

MINI Connected : บริการครบชุด พร้อม MINI Connected Store

ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ Driving Assistant Plus พร้อม Adaptive Cruise Control, แท่นชาร์จไร้สายสำหรับสมาร์ทโฟน และ MINI head-up display, ชุดเครื่องเสียงระบบเซอร์ราวด์โดย Harman Kardon

ในด้านสมรรถนะ MINI Aceman SE ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กำลังสูงสุด 160 กิโลวัตต์ / 218 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 330 นิวตันเมตร สามารถเร่งความเร็ว 0-100 กม./ชม. ได้ภายใน 7.1 วินาที ทำความเร็วสูงสุดได้ 170 กม./ชม.

MINI Aceman SE มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 54.2 kWh ให้ระยะทางขับขี่สูงสุด 405 กม. ตามมาตรฐาน WLTP รองรับการชาร์จ AC 11kW และ DC 95kW

MINI Aceman SE มีให้เลือก 6 สี ได้แก่ Rebel Red, Indigo Blue, Blazing Blue, Nanuq White, Melting Silver และ Ocean Wave Green โดยมีราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 1,999,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มและแพ็กเกจบำรุงรักษา MSI Standard)

ทดสอบการใช้งาน MINI Aceman SE บนถนนจริง

ท่ามกลางความวุ่นวายของการจราจรในกรุงเทพมหานคร ชั่วโมงเร่งด่วนที่รถติดชนิดขยับกันได้ทีละนิด MINI Aceman SE พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า "ใหญ่กว่า" ไม่ได้แปลว่า "เทอะทะ" เสมอไป

หลายคนอาจจะคุ้นเคยกับความคล่องตัวของ MINI Cooper SE ไฟฟ้าคันจิ๋ว แต่สำหรับ Aceman SE ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นเล็กน้อยนั้น หลายคนอาจจะกังวลว่าความคล่องตัวจะลดลง

แต่จากการทดสอบขับขี่จริงแล้ว บอกได้เลยว่า Aceman SE ยังคงความคล่องตัวในสไตล์ MINI เอาไว้ได้อย่างน่าประทับใจ ด้วยขนาดตัวถังที่ไม่ใหญ่เทอะทะจนเกินไป ทำให้ Aceman SE สามารถซอกแซกไปตามท้องถนนในกรุงเทพฯ ได้อย่างคล่องแคล่ว

อัตราเร่งของ Aceman SE ด้วยตัวเลข 0-100 กม./ชม. ใน 7.1 วินาที และความเร็วสูงสุดที่ 170 กม./ชม. ทำให้การเร่งแซงรถคันอื่นเป็นเรื่องง่าย ช่วงล่างที่หนึบแน่นก็ช่วยเพิ่มความมั่นใจในการขับขี่ แม้จะใช้ความเร็วสูงก็ยังสามารถควบคุมรถได้อย่างมั่นใจ ทัศนวิสัยรอบคันก็ทำออกมาได้ดี มองเห็นได้ชัดเจน ทำให้การขับขี่ในเมืองที่ต้องคอยระมัดระวังรถจักรยานยนต์และรถคันอื่นๆ เป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น

นอกจากความคล่องตัวในการขับขี่แล้ว Aceman SE ยังมาพร้อมฟีเจอร์อำนวยความสะดวกมากมาย ระบบช่วยจอดรถช่วยให้การจอดรถในที่แคบๆ เป็นเรื่องง่าย ส่วนการชาร์จไฟก็ทำได้สะดวกสบาย ยิ่งไปกว่านั้น Aceman SE ยังให้ความนุ่มนวลในการขับขี่ทางไกลที่ดีกว่า Mini Cooper SE เบาะนั่งสบาย ช่วงล่างซับแรงกระแทกได้ดี ทำให้การเดินทางไกลๆ ไม่เมื่อยล้า

ความเพลิดเพลินในการขับขี่ก็เป็นอีกหนึ่งจุดเด่นที่ Aceman SE แตกต่างกับ MINI Cooper SE ซึ่งภายในมาพร้อมไฟบรรยากาศรอบคันที่ยาวไปจนถึงหลังคา Panoramic Sunroof ช่วยเปลี่ยนบรรยากาศตามระบบ MINI Experience ที่มีให้เลือกถึง 8 โหมดก็ช่วยให้การขับขี่ไม่น่าเบื่อ พร้อมเครื่องเสียง Harman Kardon รอบคัน

MINI Aceman SE เป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ที่ต้องการรถยนต์ที่ขับสนุก ขนาดกะทะรัดคล่องตัวในเมือง และยังพร้อมสำหรับการขนสัมภาระเพื่อเดินทางไกลไปเที่ยวต่างจังหวัดด้วยพื้นที่สัมภาระที่ใหญ่ขึ้นกว่ารุ่นน้องเล็กอย่าง MINI Cooper SE

Aceman SE ถือเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่กำลังมองหารถที่มีสไตล์ และมาพร้อมเทคโนโลยีใหม่ๆที่จะช่วยสร้างประสบการณ์ใหม่ๆให้การขับขี่ให้สนุกและเพลิดเพลินมากขึ้น