SHORT CUT
MINI Cooper SE โฉมใหม่ล่าสุดที่มาพร้อมกับดีไซน์ใหม่ที่ยังคงเอกลักษณ์ พร้อมผสมผสานกับเทคโนโลยีไฟฟ้าได้อย่างลงตัว ชวนมาดูกันว่ารถรุ่นนี้จะน่าสนใจแค่ไหนกับราคา 1.699 ล้านบาท และสเปคที่วิ่งได้ไกล 402 กม./ชาร์จ
MINI Cooper SE เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ล่าสุดอย่างเป็นทางการ ด้วยราคา 1.699 ล้านบาท ซึ่งครั้งนี้ยังคงเอกลักษณ์ความเป็น MINI ที่โดดเด่นด้วยไฟหน้าทรงกลมและหลังคาที่โค้งมน แต่มีการปรับปรุงให้ดูทันสมัยมากขึ้น ชวนมาดูกันว่ารถรุ่นนี้มีอะไรน่าสนใจบ้าง
MINI Cooper SE มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้พละกำลัง 160 กิโลวัตต์ / 218 แรงม้า แรงบิด 330 นิวตันเมตร ให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายในเวลา 6.7 วินาที ทำงานผสานกับช่วงล่างและฐานล้อที่ยาวขึ้นปรับแต่งมาเพื่อการควบคุมที่ดีและยังคงความสนุกในการขับขี่แบบ Go-Kart ที่เป็นเอกลักษณ์ของ MINI ซึ่งรถคันนี้ยังได้ค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศเพียง 0.28 Cd เหนือกว่ารถยนต์รุ่นก่อนๆของมินิอีกด้วย
ขนาดตัวรถ MINI Cooper SE ความยาว 3,858 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,756 มิลลิเมตร ความสูง 1,460 มิลลิเมตร ความยาวฐานล้อ 2,526 มิลลิเมตร ความจุพื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลัง 200 – 800 ลิตร น้ำหนักตัวรถ 1,680 กิโลกรัม
MINI Cooper SE สามารถวิ่งได้ในระยะทาง 402 กม./ชาร์จ (WLTP) รองรับการชาร์จไฟแบบ AC สูงสุด 11 กิโลวัตต์ ในขณะที่การชาร์จไฟแบบ DC ทำได้สูงสุดที่ 95 กิโลวัตต์ โดยในโหมด DC จะสามารถชาร์จจาก 10% ถึง 80% ในเวลาเพียงไม่ถึง 30 นาที รุ่นนี้ยังรองรับการตั้งค่าการชาร์จต่าง ๆ เช่น เวลาชาร์จ ระดับแบตเตอรี่ที่ต้องการ และอื่น ๆ พร้อมการเข้าถึงข้อมูลแบตเตอรี่จากหน้าจอมือถือผ่าน MINI App
ภายในห้องโดยสารมาพร้อมหน้าจอแสดงผล OLED ความละเอียดสูง MINI Interaction Unit ทรงกลมขนาดใหญ่ที่แผงคอนโซลด้านหน้า และโหมดการใช้งาน MINI Experience ทั้ง 7 โหมด ที่ช่วยปรับแต่งประสบการณ์การขับขี่ให้สนุกยิ่งขึ้นดังนี้
โดยส่วนบนของหน้าจอจะเป็นพื้นที่แสดงข้อมูลสำคัญของตัวรถ เช่น ความเร็วรถและสถานะแบตเตอรี่ ในขณะที่ส่วนที่เหลือของจอแสดงผลทรงกลมยังสามารถปรับเปลี่ยนให้แสดงข้อมูลการนำทาง เพลงและความบันเทิงอื่น ๆ รวมถึงฟีเจอร์ด้านการเชื่อมต่อต่าง ๆ ได้อย่างครบครันและสะดวกง่ายดาย นอกจากนี้ ระบบ Head-up Display ก็ช่วยให้ ผู้ขับขี่มองเห็นข้อมูลสำคัญของตัวรถได้โดยไม่ต้องละสายตาจากท้องถนนอีกด้วย
ด้านล่างของหน้าจอ MINI Interaction Unit ซึ่งติดตั้งอยู่บนคอนโซลด้านหน้า ผู้ขับจะได้พบกับแผงควบคุม Toggle Bar ดีไซน์ใหม่ อีกหนึ่งองค์ประกอบที่หวนคืนมาจากมินิรุ่นคลาสสิก โดย Toggle Bar ใหม่นี้ จะช่วยให้
ผู้ขับขี่เข้าถึงฟังก์ชันสำคัญต่าง ๆ ในการขับขี่ได้อย่างสะดวกง่ายดาย ทั้งเบรกมือ สวิตช์เลือกเกียร์ สวิตช์หมุนสตาร์ท/ดับเครื่อง สวิตช์สลับโหมด MINI Experience หรือปุ่มการควบคุมระดับเสียงเพลง
อีกหนึ่งเทคโนโลยีใหม่ใน MINI Cooper SE ยังมาพร้อมผู้ช่วยส่วนตัวอัจฉริยะ MINI Intelligent Personal Assistant ที่เปิดตัวเป็นครั้งแรกในไทย พร้อมตอบสนองทุกคำสั่ง เพียงออกเสียงเรียกว่า “Hey MINI!”
MINI Cooper SE ยังมาพร้อมกับระบบช่วยเหลือการขับขี่ที่หลากหลาย รวมถึงฟังก์ชันจอดรถอัตโนมัติอย่าง Parking Assistant และแพ็คเกจ Driving Assistant ซึ่งสามารถเลือกอัปเกรดเป็น Driving Assistant Plus ที่มาพร้อมระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Adaptive Cruise Control) โดยลูกค้าสามารถเลือกสมัครได้ในแบบ 1 เดือน 1 ปี 3 ปี และตลอดอายุการใช้งาน
ส่วนฟีเจอร์กุญแจรถดิจิทัล MINI Digital Key Plus ยังช่วยเพิ่มความสะดวกสบายอีกระดับ ด้วยการเปลี่ยนสมาร์ทโฟนและสมาร์ทวอชให้เป็นกุญแจรถ ซึ่งสามารถเปิดใช้งาน Welcome Light ได้โดยอัตโนมัติเมื่อเจ้าของรถอยู่ในระยะ 3 เมตรจากตัวรถ และสามารถปลดล็อคประตูอัตโนมัติเมื่อเดินเข้ามาในระยะ 1.5 เมตร รวมไปถึงการสตาร์ทเครื่องยนต์เมื่อนั่งอยู่ในตำแหน่งพร้อมจะออกเดินทาง นอกจากนี้ยังสามารถส่งต่อ Digital Key ให้เพื่อนหรือคนในครอบครัวได้อย่างง่ายดายและปลอดภัย
ดีไซน์ของ MINI Cooper SE ที่เด่นชัดที่สุดคือ ไฟหน้าและไฟท้ายโฉมใหม่ที่สามารถปรับเลือกไฟได้มากถึง 3 รูปแบบ
Classic, Favoured และ JCW และยังมาพร้อมกับกระจังหน้า ทรงแปดเหลี่ยมโฉมใหม่ที่ขับเน้นความสปอร์ตจากกรอบสีเงิน Vibrant Silver ภายในรถล้วนผลิตจากเส้นใยโพลีเอสเตอร์รีไซเคิล 90%
ส่วนเบาะนั่งสไตล์สปอร์ตยังคงความหรูหราและนุ่มสบายเช่นเคยด้วย Vescin สีน้ำเงิน Nightshade ซึ่งเป็นวัสดุหนังสังเคราะห์แบบใหม่ของมินิที่นำมาใช้แทนหนัง ตอบโจทย์ในเรื่องวัสดุรักษ์โลกและยังได้ความสวยงามอีกด้วย รวมไปถึงล้อ มินิ คูเปอร์ เอสอี ใหม่ ก็ยังตอบโจทย์ด้านความยั่งยืนด้วยการใช้อลูมิเนียมรีไซเคิล
ส่วนพื้นผิวหน้าแผงคอนโซลหุ้มด้วยผ้าถักลายตารางแบบทูโทน ในขณะที่กล่องเก็บของที่บุด้วยผ้าถักจากวัสดุพิเศษ พร้อมสายผ้าสำหรับใช้ช่วยเปิดที่เก็บของให้สะดวกง่ายดายยิ่งขึ้น
มินิรุ่นล่าสุดนี้จะมาพร้อมกับชุดแต่ง Favoured Trim เพิ่มความโฉบเฉี่ยวด้วยล้อขนาด 18 นิ้วแบบ Slide spoke ในดีไซน์ทูโทน
MINI Cooper SE จำหน่ายในราคา 1,699,000 บาท พร้อมแพ็คเกจ MSI Standard โดยมี 6 สีให้เลือก ได้แก่ Blazing Blue, Nanuq White, Melting Silver ที่มาพร้อมกับหลังคาสีดำ Jetblack และ British Racing Green, Sunny Side Yellow, Chili Red II ที่ให้ลูกค้าเลือกหลังคาดำ Jetblack หรือสีขาว Glazed White