SHORT CUT
อะเมซอน เว็บ เซอร์วิส ชูการใช้เทคโนโลยีของ Nocnoc เผยการเติบโตสวนทางตลาดอีคอมเมิร์ซ พร้อมเดินหน้าใช้ AI ช่วยตอบโจทย์ธุรกิจ คาดอีกไม่นานลดการใช้ดีไซเนอร์ช่วยออกแบบห้องตัวอย่างได้
คุณวัตสัน ถิรภัทรพงศ์ Country Manager ประจำ AWS ประเทศไทย เล่าว่า เดิมธุรกิจของ Amazon ก็มาจากการทำค้าปลีก จากนั้นก็มาเพิ่มในส่วนของเทคโนโลยีเพื่อช่วยให้การขายและซื้อของผู้คนเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น
จากภาพรวมตลาดอีคอมเมิร์ซ 31,000 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2023 คาดว่าจะเติบโตขึ้นไปอีก 13.33% เป็น 51,000 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2027 ตัวเลขคาดการณ์นี้สะท้อนให้เห็นว่าช่องทางออนไลน์และอีคอมเมิร์ซจะเข้ามาเปลี่ยนแปลงรูปแบบการขายสินค้าแบบเดิม
และเทคโนโลยีจะเข้ามาเป็นตัวช่วยในเรื่องของความสะดวกสบายในการทำงานให้ดีขึ้นกว่าเดิม การเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของ NocNoc ในการให้บริการด้านโซลูชันการทำงานทั้งแบบระบบโอเปอเรชันในการขายสินค้า และร่วมกันพัฒนาเทคโนโลยี GenAI ภายใต้ข้อมูลของ NocNoc เพื่อร่วมกันพัฒนาประสบการณ์ให้ลูกค้ารู้สึกว่าพฤติกรรมลูกค้าเป็นแบบใด และสินค้าชิ้นไหนที่กำลังเป็นที่ต้องการ เพื่อให้นำเสนอและตอบโจทย์การให้บริการแก่ลูกค้าได้ดีขึ้น
คุณชลลักษณ์ มหาสุวีระชัย ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท เบ็ตเตอร์บี มาร์เก็ตเพลส จำกัด (NocNoc) กล่าวว่า NocNoc เกิดขึ้นมาในปี 2019 ภายใต้แนวคิดที่ต้องการเป็นศูนย์รวมสินค้าและบริการเรื่องบ้านออนไลน์
ปัจจุบันมีสินค้าในระบบมากถึง 700,000 SKU และมียอดขายเติบโต 100% ซึ่งมูลค่าตลาดสินค้ากลุ่มโฮมแอนด์ลีฟวิงที่มีกว่า 4.5 แสนล้านบาทนั้น บนช่องทางออนไลน์ บริษัทมีส่วนแบ่งตลาดที่ 10% ถือว่ามีการนำเทคโนโลยีมาใช้อย่างเกิดประโยชน์สูงสุดโดย Noc Noc มีการใช้เทคโนโลยีแมชชีนเลิร์นนิง (Machine Learning : ML) บน AWS มาประยุกต์ใช้ในการสร้างประสบการณ์ที่ดีแบบเฉพาะตัวให้แก่ลูกค้า (Personalized Experience) พร้อมตั้งเป้าการเติบโตเพิ่มขึ้นอีก 40% หรือประมาณ 6.5 พันล้านบาทในปี 2567
นอกจากนี้ จุดเด่นในการขายสินค้าแบบ Online Onsite ยังทำให้บริษัทมีการเติบโตที่ดีเพราะลูกค้าสามารถเลือกและนำสินค้าตัวอย่างไปดูที่บ้านก่อนการสั่งซื้อได้ โดยสินค้าชิ้นแรกที่ทำได้สำเร็จคือ ไม้พื้น ตามมาด้วย สีทาบ้านและเฟอร์นิเจอร์
อย่างไรก็ตาม ประสบการณ์ในการซื้อสินค้ากลุ่มโฮมแอนด์ลีฟวิงของแต่ละคนจะไม่เหมือนกัน เพราะเทคโนโลยีที่นำมาใช้งาน จะเจาะตามพฤติกรรมและความต้องการใช้งานในแต่ละบุคคลถือว่าเป็นเสน่ห์ที่ลูกค้าสัมผัสได้จากการเข้ามาซื้อสินค้าในช่องทางของบริษัท
คุณชลลักษณ์ : ตอนนี้ NocNoc อยู่ในช่วงฝึก AI ให้ใช้งานได้ในหลายด้าน เช่น การพูด การตอบคำถามเบื้องต้น ส่วนประสบการณ์ด้านอื่นๆ อย่างการแนะนำสินค้าตามความต้องการของลูกค้าก็ทำงานได้ดีขึ้น แต่ต่อไปอาจจะเพิ่มในการค้นหาด้วยรูป เป็นการต่อยอดในแง่ของ Empower Experience ให้มากขึ้น
ซึ่งการเลือกใช้เทคโนโลยีนั้น ไม่ใช่แค่ซื้อมาแล้วระบบทำงานเองได้ทุกอย่างแล้วจบ แต่ต้องพัฒนาให้เกิดประโยชน์และใช้งานได้คุ้มค่าสูงสุด เพราะทุกคนจะมีตัวพื้นฐาน AI เหมือนกัน แต่การนำข้อมูล (Data) ที่เรามีมาใช้ในการพัฒนางานด้านต่าง ให้เหมาะกับธุรกิจของตัวเองได้อย่างคุ้มค่าที่สุดคือสิ่งที่สำคัญ เพราะแต่ละคนจะมีปัญหาและความต้องการที่แตกต่างกัน
คุณวัตสัน : ในแง่ของการเป็นบริษัทเทคโนโลยี เราเห็นธุรกิจตื่นตัวและสนใจในการนำ AI มาใช้งานมากข้ึน แต่เครื่องมือของเราไม่ได้ออกแบบมาในแง่ของกลุ่มผู้บริโภค ดังนั้นธุรกิจต้องตั้งโจทย์ วางแผน และสร้างสรรออกมาให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งธุรกิจที่เราเข้าไปให้ข้อมูลจะเน้นในเรื่องของการเสริมด้านการเทรน การโต้ตอบให้เกิดประโยชน์และลูกค้าประทับใจมากที่สุด
คุณชลลักษณ์ : ตอนนี้เรายังใช้เทคโนโลยีและคนควบคู่กันในเรื่องของงานบริการ เพราะเรามีหลายรูปแบบและกลุ่มคนที่ต้องใช้งาน ดังนั้น การตอบคำถามจึงต้องมีรูปแบบที่หลากหลาย บางคำถามใช้ AI ตอบได้ แต่พอเป็นคำถามเจาะลึกเราก็ดึงคนเข้ามาช่วยเสริมจะช่วยให้ประสบการณ์ของลูกค้าเป็นเรื่องที่ดีขึ้น
ทั้งนี้ การใช้เทคโนโลยี AI ไม่ใช่เรื่องยาก แต่อย่างน้อยต้องเชื่อใจได้ว่าจะใช้ให้เกิดประโยชน์และไม่กระทบต่อความเชื่อมั่นของคน เพราะผู้คนยังกังวลเรื่องการขโมยข้อมูลและ Deepfake กันเป็นอย่างมาก
อ่านข่าวอื่นๆ เพิ่มเติม