เปิดใจ ซีอีโอ Google ยอมรับ Gemini คือก้าวใหม่ของบริษัท ที่มีการฝัง AI ไว้ในทุกโมเดลของระบบ Google เพื่อช่วยให้ทำงานได้แบบรอบด้าน
ซุนดาร์ พิชัย CEO ของ Alphabet และ Google เปิดใจว่า บริษัทได้ลงทุนในการนำ AI ไปใช้ในการพัฒนา ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ตลอดช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา
เช่น เครื่องมือ Search Generative Experience หรือ SGE สามารถทดลองใช้ได้ใน Google Labs และ AI ก็เป็นหัวใจสำคัญของ 2 ธุรกิจ ทำให้มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว นั่นก็คือ Google Cloud และ Google Workspace รวมถึง Google One ก็เป็นอีกหนึ่งบริการแบบสมัครสมาชิก ที่มีจำนวนผู้สมัครสมาชิกทะลุ 100 ล้านรายในเร็วๆ นี้
เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา บริษัทได้เดินหน้าภารกิจสำคัญเพื่อทำให้ AI มีประโยชน์มากขึ้นสำหรับทุกคนด้วยการเริ่มต้นยุคของ Gemini ที่สร้างความก้าวหน้าครั้งใหม่สำหรับเกณฑ์มาตรฐานในด้านต่างๆ รวมทั้งข้อความ รูปภาพ เสียง และวิดีโอ
ทั้งนี้ Gemini กำลังพัฒนาสู่การเป็นมากกว่าแค่โมเดล AI โดยรองรับระบบนิเวศทั้งหมด ตั้งแต่ผลิตภัณฑ์ที่ใช้งานกันทุกวัน ไปจนถึง API และแพลตฟอร์มที่ช่วยนักพัฒนาซอฟต์แวร์และธุรกิจในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ
Gemini Ultra 1.0 เป็นโมเดลที่มีขนาดใหญ่สุด เป็นโมเดลแรกที่สามารถเอาชนะผู้เชี่ยวชาญที่เป็นมนุษย์ในการทดสอบ MMLU (Massive Multitask Language Understanding) เพื่อวัดประสิทธิภาพด้านความรู้รอบตัวและความสามารถในการแก้ปัญหา และยังครอบคลุม 57 วิชา ซึ่งรวมถึงคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ ประวัติศาสตร์ กฎหมาย การแพทย์ และจริยธรรม รวมทั้งกำลังจะเปิดให้ใช้งานทั่วโลก
Bard เป็นเครื่องมือที่ดีที่ทำให้ทุกคนได้สัมผัสกับโมเดล AI เพื่อสะท้อนถึงเทคโนโลยีขั้นสูงที่เป็นหัวใจหลักของ Bard นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป Bard จะเปลี่ยนเป็น Gemini พร้อมให้บริการ 40 ภาษาบนเว็บ และกำลังจะเปิดตัว Gemini ในแอปบน Android และในแอป Google บนอุปกรณ์ iOS
Bard ในเวอร์ชันนี้ เป็นการปรับเปลี่ยนโดยใช้ Gemini Ultra จะเรียกว่า Gemini Advanced ซึ่งมีความสามารถมากยิ่งขึ้นในการให้เหตุผลเชิงตรรกะ การปฏิบัติตามวิธีการ การเขียนโค้ด และการทำงานร่วมกันในเชิงสร้างสรรค์
เช่น Gemini Advanced สามารถเป็นครูสอนพิเศษส่วนตัวที่ปรับวิธีการสอนให้เหมาะกับสไตล์การเรียนรู้ หรือเป็นพาร์ทเนอร์เชิงสร้างสรรค์ที่ช่วยวางแผนกลยุทธ์ด้านคอนเทนต์หรือจัดทำแผนธุรกิจได้ด้วย
หากต้องการใช้งาน Gemini Advanced เพียงสมัครแพ็คเกจใหม่ Google One AI Premium ซึ่งเป็นแพ็คเกจที่ต่อยอดมาจาก Google One ให้พื้นที่เก็บข้อมูลที่ใหญ่ขึ้นและฟีเจอร์พิเศษสำหรับสมาชิกโดยเฉพาะ
Google ได้ใส่ AI เข้าไปในผลิตภัณฑ์หลักบน Google Workspace และ Google Cloud แบ่งเป็น มีผู้ใช้งานมากกว่า 1 ล้านคนที่ใช้งานฟีเจอร์ต่างๆ บน Google Workspace เช่น ฟีเจอร์ “Help me write” เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและต่อยอดความคิดสร้างสรรค์ผ่าน Duet AI
โดย Duet AI จะกลายเป็น Gemini สำหรับ Workspace ผู้ที่สมัครแพ็คเกจ Google One AI Premium จะสามารถใช้ Gemini ได้ใน Gmail, Google Docs, Google Sheets, Google Slides และ Google Meet
ลูกค้าของ Cloud ก็เช่นกัน Duet AI จะเปลี่ยนเป็น Gemini ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า และ Gemini จะช่วยให้การทำงานของบริษัทต่างๆ เพิ่มประสิทธิภาพได้ดีขึ้น ช่วยให้นักพัฒนาซอฟต์แวร์เขียนโค้ดได้เร็วขึ้น และช่วยให้องค์กรต่างๆ ป้องกันตนเองจากการโจมตีทางไซเบอร์ได้ด้วย
นักพัฒนาซอฟต์แวร์เป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังของการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีครั้งสำคัญ พวกเขายังจะมีบทบาทสำคัญในระบบนิเวศของ Gemini ด้วย ซึ่งนักพัฒนาซอฟต์แวร์และธุรกิจต่างๆ จำนวนหลายแสนราย ได้นำโมเดล Gemini ไปต่อยอดแล้ว
การอัปเดตล่าสุดเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงการปลดล็อกนวัตกรรมอย่างกล้าหาญ ตลอดจนสร้างความก้าวหน้าและนำเทคโนโลยีนี้มาใช้อย่างมีความรับผิดชอบ และเรากำลังทำการฝึกโมเดล Gemini ของเราอย่างต่อเนื่อง
ที่มา : Google
ภาพ : Google
อ่านข่าวอื่นๆ เพิ่มเติม