เคยสงสัยไหมว่าทำไม เมื่อเราคิดหรือคุยอะไร Facebook จะรู้และยิงแอดมาให้เราแบบทันที หรือบางครั้งสินค้าบางอย่างที่เราแค่นึกหรือพูดออกมาลอยๆ ก็ทำให้เราเห็นโฆษณาหลายอย่างส่งมาทั้งแบบเกี่ยวข้องและไม่เกี่ยวข้องก็ตาม
ในเดือนเมษายน ปี 2021 Apple ได้ออกฟีเจอร์ในการตรวจจับ หรือ App Tracking Transparency บน iOS 14.5 ที่ทำให้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียไม่สามารถเก็บข้อมูลการใช้งานและไม่แชร์ข้อมูลไปให้แพลตฟอร์มอื่นๆ
จึงเป็นเหตุผลให้โซเชียลมีเดียต่างๆ เริ่มหาวิธีที่จะเข้าถึงผู้บริโภคมากขึ้น โดยทุกๆ การค้นหาจากเว็บไซต์ หรือค้นหาจากสื่อโซเชียลมีเดียบนโลกออนไลน์ ทาง Facebook จะมีการเก็บข้อมูลจากการค้นหาข้อมูลบน Google ทำให้ผู้ใช้งานรู้สึกเหมือนว่า Facebook กำลังแอบฟังเรา
แต่ในปี 2024 ทาง Google Chrome จะปิดการเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มอื่นๆ ทำให้ Facebook ไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลการค้นหาของผู้บริโภคได้
เข้าไปที่ Facebook ส่วนตัวของคุณ
จากนั้นสามารถเลือกเข้าไปดูได้ว่า เราเคยกด Like ให้ใคร เคยเข้าไปโพสต์แอปและเว็บไซต์ไหน เคยเชื่อมกับเว็บใดบ้าง ประวัติการค้นหา และข้อมูลการค้นหาต่างๆ เรียกได้ว่าเก็บไว้ทุกเส้นทางการค้นหาเลย
หรือหากคุณเคยเข้าไปซื้อสินค้าและบริการไหนที่เชื่อมต่อกับ Facebook ก็ดูได้เช่นกัน
การเก็บข้อมูลของเว็บไซต์เหล่านี้ จะกลายเป็นประวัติการใช้งานและการค้นหาข้อมูลทั้งในโซเชียลมีเดียและการค้นหา (Search) ซึ่งมีทั้งข้อดีและข้อเสียคือสามารถเข้าไปค้นหาต้นตอว่าส่วนไหนที่มีความเสี่ยงในการโดนขโมยข้อมูลหรือไม่
แต่ในขณะเดียวกัน ข้อมูลการท่องเว็บและการค้นหาต่างๆ ก็จะถูกนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม Google ก็เตรียมปิดการเก็บข้อมูลผู้ใช้งานของ third-party บน Google Chrome เพื่อไม่ให้ประวัติการท่องเว็บและการค้นหาต่างๆ รั่วไหล คาดว่าจะเริ่มทดลองแก้ไขในช่วงมกราคม และปิดโอกาสการค้นหาของ third-party cookies ในไตรมาสที่สองของปี 2024 นี้แล้ว
ทั้งนี้ การปิดประวัติการค้นหาของนักท่องเน็ตมีข้อดีคือแพลตฟอร์มออนไลน์อย่าง Facebook หรือแม้แต่อีคอมเมิร์ซต่างๆ จะค้นหาความต้องการของผู้ใช้งานได้ยากขึ้นและจะลดโอกาสในการเข้าถึงโฆษณาต่างๆ ทำให้เม็ดเงินโฆษณาจะแพงขึ้น เพราะโอกาสเจาะกลุ่มเป้าหมายจะยาก และต้องยอมจ่ายเพื่อค้นหาการเก็บข้อมูลที่เชิงลึกและเจาะจงจริงๆ ทำให้เจ้าของธุรกิจต้องเก็บข้อมูลเอง
ภาพ : unsplash
อ่านข่าวอื่นๆ เพิ่มเติม