บก.ปอศ. แจ้งเตือนประชาชนไม่ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันอันตราย Nicshare และ ComonApp หลังพบการหลอกให้ลงทุน และให้เปิดบัญชีม้า เพื่อเอาเงินให้เหยื่อ ก่อนจะกลายเป็นอาชญากรรมข้ามชาติ
กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ บก.ปอศ.เตือนประชาชนเกี่ยวกับแอปพลิเคชันอันตรายที่อาจส่งผลให้สูญเงินหมดบัญชี
ทั้งนี้ ขอแจ้งเตือนประชาชนทุกคนไม่ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันที่ได้รับการระบุว่าเป็นแอปพลิเคชันอันตราย มีความเสี่ยงที่จะนำมาสู่การหลอกให้ลงทุน ได้แก่ Nicshare และ ComonApp ซึ่งปัจจุบันยังคงมีให้ดาวน์โหลดทั้งในระบบ iOS และ Android หรือหากโหลดแล้วกรุณาลบแอปพลิเคชันดังกล่าวในโทรศัพท์ของท่าน และตรวจสอบข้อมูลด้านการลงทุนทุกครั้งจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ
อย่างไรก็ตาม แก๊งสแกมเมอร์ (scammer) ที่คอยต้มตุ๋น หลอกลวงผู้คนผ่านโลกออนไลน์จากทางแอฟริกา ซึ่งเป็นข่าวอยู่บ่อยครั้งตลอดสิบกว่าปีมานี้ หากนับตั้งแต่เวลาที่คนไทยเริ่มมีวิถีชีวิตและนิยมสื่อสารกันผ่านโลกออนไลน์มากขึ้น
การหลอกลวงของมิจฉาชีพ ที่ฉ้อโกงเหยื่อจากแก๊งสแกมเมอร์เหล่านี้ก็น่าจะถือได้ว่าเป็น “ยุคแรก” ของการฉ้อโกงทางออนไลน์ โดยมีเป้าหมายหลักเป็นสาวไทยที่ต้องการมีชีวิตที่ดีขึ้น ทั้งการมีฐานะความเป็นอยู่ที่ดีรวมถึงการพบรักกับชาวต่างชาติ ซึ่งสแกมเมอร์เหล่านี้ก็จะใช้โปรไฟล์ปลอมของตัวเองตั้งแต่รูปที่แสดงไปจนถึงข้อมูลที่ปรากฏ เพื่อให้เหยื่อเข้าใจว่ากำลังพูดคุยกับหนุ่มหน้าตาดี มีฐานะ เป็นชาวต่างชาติที่มาจากประเทศแถบตะวันตก
จนสุดท้ายเมื่อเหยื่อเริ่มติดใจแล้วก็จะเริ่มนำสารพัดวิธีการมาหลอกลวงเพื่อให้เหยื่อทำการโอนเงิน เช่น อ้างว่าใช้ในการสมัครวีซ่า (VISA) เพื่อใช้สำหรับการเดินทางมาพบกัน ก่อนจะรีบปิดบัญชีหนีไปเมื่อได้รับเงินโอนจากเหยื่อแล้ว ลักษณะการฉ้อโกงแบบนี้ในปัจจุบันยังคงมีอยู่และพบเห็นเป็นจำนวนมาก เรียกว่า “โรแมนซ์ สแกม (Romance Scam)” หรือ “หลอกให้รักแล้วโอนเงิน” จนกว่าเหยื่อจะตายใจ
การกระทำความผิดในลักษณะของการฉ้อโกงก็ได้มีการพัฒนาความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น
รูปแบบของการผสมผสานระหว่างการใช้การหลอกให้รักหรือ Romance Scam ควบคู่ไปกับการเสนอผลประโยชน์ด้านการลงทุนที่กำลังเป็นกระแสสังคมในแต่ละยุค ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในหุ้น หรือการซื้อขายเหรียญดิจิทัล (คริปโต) เรียกว่า “หลอกให้รักแล้วลงทุน” (Hybrid Scam, Investment Scam)
ปัจจุบัน การฉ้อโกงเปลี่ยนจากการกระทำโดยคนคนเดียวหรือกลุ่มคนมาเป็นลักษณะการทำเป็นขบวนการ มีการจัดตั้งองค์กรอาชญากรรม (Organized crime) เน้นเข้าถึงตัวเหยื่อผ่านคอลเซ็นเตอร์ (Call Center), แอพพลิเคชั่นหาคู่, ข้อความมัลแวร์ (Malware SMS) จูงใจให้เหยื่อเชื่อว่าตนได้รับเงินหรือรางวัล ต่าง ๆ ซึ่งถ้าไม่เอะใจ เหยื่อก็อาจเผลอไปคลิกหรือบอกข้อมูลส่วนตัวให้ผู้กระทำความผิดเหล่านี้ได้รับทราบ ซึ่งจะนำมาสู่การฉ้อโกงที่น่าสะพรึงกลัวกว่าเดิม เรียกว่า “กลโกงเชือดหมู (Pig Butchering Scam)”
การจะเชือดหมูให้ได้เนื้อรับประทานมากที่สุด ผู้เชือดจะต้องหาหมูมาเลี้ยง (Package) ก่อนจะให้อาหารเพื่อขุนให้อ้วน (Raise) จนเมื่อได้เนื้อเต็มที่ตามที่พอใจแล้วจึงเริ่มลงมือฆ่า (Kill) เอาเนื้อของหมูตัวดังกล่าวมากิน ทฤษฎีดังกล่าวเป็นที่โด่งดังมากทั้งในประเทศตะวันตก เอเชีย รวมถึงประเทศเพื่อนบ้านของเรา โดยปัจจุบันมิจฉาชีพเริ่มทำการศึกษาข้อมูล ประวัติส่วนตัวของเหยื่อที่ต้องการจะเชือดมากขึ้น โดยเฉพาะไลฟ์สไตล์ (lifestyle) รสนิยมการใช้ชีวิตของเหยื่อ ซึ่งจะเป็นตัวบอกให้ผู้กระทำความผิดรู้ว่าเหยื่อรายนี้มีความเป็นไปได้ที่จะมีทรัพย์สินที่ถือครองอยู่ประมาณเท่าไหร่
มิจฉาชีพจะทำการ “ล็อกเป้า” หรือกำหนดเป้าหมายเพื่อทำการจู่โจมผ่านการพูดคุย ไม่ว่าจะหลอกให้รักหรือหลอกให้ลงทุนจนเหยื่อหลงเชื่อและโอนเงินเป็นจำนวนมาก เมื่อเหยื่อได้ทำการโอนเงินจนไม่มีทรัพย์สินเหลือเพียงพอต่อความต้องการของมิจฉาชีพแล้ว คนเหล่านี้ก็จะทำการ ปิดบัญชีแล้วเชิดเงินของเหยื่อไปจนหมด
รูปแบบขบวนการ หลัง ๆ มานี้มีการตั้งชื่อบัญชีรับโอนเป็นบริษัทเพื่อให้ดูมีความน่าเชื่อถือ ซึ่งก็จะไปเข้าลักษณะเป็น “บัญชีม้า (Mule)” ที่ผู้กระทำความผิดซึ่งอยู่ในต่างประเทศ หานอมินีที่เป็นคนไทยรับเปิดบัญชีขึ้นมาเพื่อเอาเงินเหยื่อส่งต่อให้ผู้กระทำความผิดซึ่งเป็นชาวต่างชาติต่อไป จากการฉ้อโกงเล็ก ๆ ระหว่างคนสองคนจึงเลยเถิดค่อย ๆ ขยับเป็นอาชญากรรมข้ามชาติ จากเงินไม่กี่บาทที่สูญเสียไปสู่มูลค่ากว่าหลายพันล้านเทียบเท่ากับความเสียหายของบริษัทใหญ่ ๆ บริษัทหนึ่งเลยทีเดียว
ในท้ายที่สุดนี้ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ขอเชิญชวนให้พี่น้องประชาชนทุกท่านร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างความตระหนักรู้เรื่องการฉ้อโกง ซึ่งเป็นภัยสังคมยุคใหม่ในโลกของการติดต่อสื่อสารที่ไร้พรมแดน
ช่องทางการติดต่อตำรวจไซเบอร์ ได้แก่
และหากมีเบาะแสเกี่ยวกับการกระทำความผิดตามกฎหมาย สามารถแจ้งมาได้โดยตรงที่ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง Website : https://cib.go.th/ หรือ Facebook ตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปสู่การจับกุมผู้กระทำผิดต่อไป สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม พ.ต.ท.ชวลิต น้ำใจสัตย์ รอง.ผกก.3 บก.ปอศ. โทร 081-429-2062
ที่มา : บก.ปอศ.
อ่านข่าวอื่นๆ เพิ่มเติม