SHORT CUT
วอร์เรน บัฟเฟตต์ ตำนานนักลงทุนแห่ง Berkshire Hathaway เดินหน้าเทขายหุ้น Apple และ Bank of America อย่างต่อเนื่อง ดันเงินสดบริษัทพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจ
Warren Buffett และ Berkshire Hathaway (BRK.A) ยังคงเดินหน้าลดการถือครองหุ้นในไตรมาสที่สาม โดยขายหุ้น Apple (AAPL) ออกไปอีกกว่า 100 ล้านหุ้น หรือประมาณ 25% ของหุ้น Apple ที่ถือครอง
ทำให้ปัจจุบัน Berkshire Hathaway เหลือหุ้น Apple อยู่ที่ 300 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่า 69.9 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งแม้จะลดลงแต่ Apple ก็ยังคงเป็นหุ้นที่ Berkshire Hathaway ถือครองมากที่สุด
นับตั้งแต่ต้นปี 2024 บัฟเฟตต์ได้ขายหุ้น Apple ออกไปแล้วกว่า 600 ล้านหุ้น นอกจากนี้ ยังขายหุ้น Bank of America ออกไปหลายพันล้านดอลลาร์ รวมๆ แล้ว Berkshire Hathaway ขายหุ้นออกไป 36.1 พันล้านดอลลาร์ แต่ซื้อหุ้นเข้ามาเพียง 1.5 พันล้านดอลลาร์เท่านั้น ส่งผลให้ไตรมาสที่สามเป็นไตรมาสที่ 8 ติดต่อกันที่ Berkshire Hathaway ทำการขายหุ้นมากกว่าซื้อ
การขายหุ้นครั้งใหญ่นี้ทำให้เงินสดของ Berkshire Hathaway เพิ่มขึ้นจาก 2.769 แสนล้านดอลลาร์ในปลายเดือนมิถุนายน เป็น 3.252 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งมากกว่าเงินสดสำรองที่บัฟเฟตต์ตั้งเป้าไว้ถึง 10 เท่า สะท้อนให้เห็นถึงกลยุทธ์การบริหารความเสี่ยง และการเตรียมสภาพคล่องเพื่อรองรับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ
หุ้น Class A ของ Berkshire เพิ่มขึ้น 25% ในปีนี้ ขณะที่ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 20% มูลค่าหุ้นที่เพิ่มสูงขึ้นทำให้เกิดความกังวลในหมู่นักลงทุนบางรายว่าหุ้นหลายตัวมีราคาแพงเกินไป
ที่น่าสังเกตคือ บัฟเฟตต์ไม่ได้เข้าซื้อกิจการบริษัทขนาดใหญ่ใดๆ สำหรับบริษัทมูลค่า 9.75 แสนล้านดอลลาร์ของเขานับตั้งแต่ปี 2016
ในเดือนพฤษภาคม บัฟเฟตต์กล่าวว่าเขาคาดว่า Apple จะยังคงเป็นการลงทุนในหุ้นที่ใหญ่ที่สุดของ Berkshire แต่การขายออกไปก็สมเหตุสมผล เนื่องจากอัตราภาษีเงินได้จากกำไรของรัฐบาลกลางที่ 21% มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้น
อุตสาหกรรมเทคโนโลยีมีการแข่งขันสูง โดยเฉพาะในตลาดสมาร์ทโฟน แม้ Apple ยังคงเป็นผู้นำ แต่ก็ต้องเผชิญกับแรงกดดันจากคู่แข่ง เช่น Samsung และแบรนด์จีน บัฟเฟตต์อาจกังวลเกี่ยวกับการเติบโตของ Apple ในระยะยาว
แม้ Apple และ Bank of America ยังคงมีผลประกอบการที่ดี แต่บัฟเฟตต์อาจคาดการณ์ว่าการเติบโตของกำไรในอนาคตอาจไม่สูงเท่าที่ผ่านมา เนื่องจากปัจจัยลบทางเศรษฐกิจ
วอร์เรน บัฟเฟตต์ ไม่ได้ลงทุนในหุ้นเพียงอย่างเดียว แต่ยังกระจายการลงทุนไปยังสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ เช่น Berkshire Hathaway ถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ จำนวนมาก ซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย ที่ให้ผลตอบแทนคงที่ ในช่วงที่ตลาดหุ้นผันผวน พันธบัตรจะช่วยลดความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุน
Berkshire Hathaway ยังลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เช่น บ้าน อาคารพาณิชย์ และที่ดิน ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่มูลค่ามักจะเพิ่มขึ้นในระยะยาว
Berkshire Hathaway เป็นเจ้าของธุรกิจในหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น ประกันภัย, รถ,พลังงาน และค้าปลีก ซึ่งช่วยกระจายความเสี่ยง และสร้างรายได้อย่างมั่นคง
การขายหุ้นและถือเงินสด อาจทำให้ผลตอบแทนจากการลงทุนของ Berkshire Hathaway ลดลงในระยะสั้น แต่ในระยะยาว บัฟเฟตต์อาจใช้เงินสดนี้ เพื่อเข้าซื้อกิจการ หรือลงทุนในหุ้น เมื่อราคาปรับตัวลงมาอยู่ในระดับที่น่าสนใจ
การตัดสินใจขายหุ้นของบัฟเฟตต์ เป็นการปรับพอร์ต เพื่อรับมือกับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ และความเสี่ยงต่างๆ โดยเน้นการรักษาเงินสด และรอโอกาสในการลงทุนในอนาคต ซึ่งสอดคล้องกับปรัชญาการลงทุนแบบเน้นคุณค่า และการกระจายความเสี่ยงที่บัฟเฟตต์ยึดถือมาโดยตลอด
ที่มา : REUTERS