SHORT CUT
ลูลู่ เทคโนโลยี เตือนเอสเอ็มอีไทยปรับตัวใช้ AI สู่รายใหญ่ ระบุเทคโนโลยีเอไอสามารถช่วยให้ Productivity เพิ่มขึ้นมากกว่า 4 เท่า และ AI มีความจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับองค์กรธุรกิจยุคใหม่ หากผู้บริหารไม่ขยับในวันนี้ถือว่าอนาคตขององค์กรน่ากลัวมาก
ในงานสัมมนา AI REVOLUTION 2024: TRANSFORMING THAILAND ECONOMY จัดโดย “กรุงเทพธุรกิจ” ปริชญ์ รังสิมานนท์ ผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท ลูลู่ เทคโนโลยี จำกัด (Co-Founder Looloo Technology) ที่ปรึกษาและผู้เชี่ยวชาญด้าน AI บรรยายพิเศษเรื่อง Competing in the Age of AI
โดยหนึ่งใน Co-Founder Looloo Technology มีมุมมอง ว่า เทคโนโลยี AI สามารถช่วยให้ Productivity หรือผลผลิตต่างๆ ของแต่ละบริษัท เพิ่มขึ้นมากกว่า 4 เท่า อีกทั้งจะเพิ่ม GDP ปีละ 7% ตามข้อมูลของโกลด์แมน แซคส์
ทั้งนี้ Looloo Technology สตาร์ทเริ่มต้นธุรกิจ เปิดตัวในช่วงโควิด-19 รวบรวมทาเลนต์ หรือ สิ่งที่เป็นพรสวรรค์และมีประโยชน์ จากต่างประเทศมาเปิดให้บริการในเมืองไทย โดยให้บริการ AI Assistant และได้พบข้อสังเกต ที่ระบุว่าผู้ใช้บริการเกือบทั้งหมดจะเป็นองค์กรธุรกิจรายใหญ่ทั้งด้านโลจิสติกส์ ค้าปลีก อสังหาฯ พลังงานและธนาคาร นั่นจึงเกิดคำถามตามมา ในใจของปริชญ์ รังสิมานนท์ ว่าทำไมไม่มีบริษัทขนาดเล็กหรือเอสเอ็มอีมาใช้บริการ AI Assistant ซึ่ง ถือว่าน่ากังวลอย่างยิ่ง
1. Prediction เห็นชัดเจนในธุรกิจค้าปลีกในการจัดการสินค้าในสต็อก อีกทั้งขยายไปถึงการคาดการณ์ประเภทสินค้าที่ลูกค้าต้องการ และจำนวนที่ต้องการ
ตลอดจนข้อมูลความต้องการสินค้าเฉพาะสาขา เมื่อเปรียบเทียบกับองค์กรธุรกิจที่ไม่ได้ใช้ AI สามารถเห็นเป็นตัวเลขได้ว่า Productivity เพิ่มขึ้นกี่เปอร์เซ็นต์
ตัวอย่างเช่น ธุรกิจ FMCG มีสาขาจำนวน 300,000 แห่ง การใช้ระบบปกติ กับการใช้ AI นั้นต่างกันมากเมื่อเปรียบเทียบจากรายได้ โดย AI สามารถช่วยให้รู้ว่าแต่ละสาขาต้องเติมสินค้าในปริมาณเท่าใดเพื่อที่ไม่ให้เสียโอกาสในการขาย ซึ่งเมื่อคูณด้วยเวลา 50 สัปดาห์ และจำนวน 300,000 สาขา จะเห็นผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจน ว่า AI นั้นมีประโยชน์เป็นอย่างมาก เวลาที่ต้องใช้ทักษะอะไรซ้ำๆ ในสเกลขนาดใหญ่
“SMEs ส่วนใหญ่ก็คิดเพียงแค่ว่าที่สินค้าของเขาถูกนำออกจากชั้นวางสินค้า เพราะเศรษฐกิจไม่ดี สินค้าก็เลยขายไม่ได้ แต่ที่จริงแล้ว พวกเขายังไม่รู้ว่าตัวเองทำธุรกิจแข่งกับ AI แข่งกับ DATA ข้อมูลอยู่ นี่คือ สิ่งที่น่ากลัวสำหรับ SMEs
2.Speech-to-text API for Call Centers ที่จะมีข้อมูลเชิงลึกหรือข้อมูลพฤติกรรมของลูกค้าในการนำเสนอสินค้า และบริการให้กับลูกค้า
3.Truck Load Optimization เช่น การขนส่งเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่ เทคโนโลยี AI จะช่วยคำนวณตำแหน่งจัดวางสินค้าบรรทุกเพื่อให้เกิดการใช้พื้นที่คุ้มค่าที่สุด และเหมาะสมกับน้ำหนักบรรทุก ในแต่ละเที่ยวได้เลย
ในส่วนของเทคโนโลยี Generative AI (Gen AI) ปริชญ์ รังสิมานนท์ กล่าวถึงการใช้ประโยชน์ ต่างๆ ของเทรนด์ฮิต Generative AI
1.การซ่อมบำรุง (Maintenance) ที่สามารถดำเนินการได้ทันทีโดยการส่งคำถามเข้าระบบ AI ของกูเกิลหรือ Gemini ก็จะช่วยค้นหา และได้คำตอบทันที
2. ผู้ช่วยฝ่ายขาย (Sales assistant)
3. internal knowledge management เช่น สอบถามว่าสินค้าอะไรขายดีที่สุด โปรโมชันอะไรเคยดีที่สุด
ผู้บริหาร ลูลู่เทคโนโลยี สรุปใจความสำคัญว่า
เทคโนโลยี AI มีความจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับองค์กรธุรกิจยุคใหม่ หากผู้บริหารไม่ขยับในวันนี้ถือว่าอนาคตขององค์กรน่ากลัวมาก
อย่างไรก็ตาม ความคิดของผู้บริหารสำคัญที่สุดในการนำ AI มาใช้ประโยชน์ และมีประสิทธิผลสูงสุด ผู้บริหารจะต้องมองเห็นจุดปัญหาขององค์กร แล้ววิเคราะห์ว่าจะนำ AI มาช่วยตอบโจทย์แก้ปัญหาอย่างไร จึงจะได้จาก AI ประโยชน์จริงๆ เมื่อเทียบกับการซื้อมาใช้ตามกระแส โอกาสที่จะล้มเหลวก็มีสูง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง