Pomelo หนุนแบรนด์ไทยเติบโตหลังโควิด พบกลุ่มลูกค้าให้ความสำคัญกับสิงแวดล้อมและความยั่งยืนที่เพิ่มสูงขึ้น ขณะที่กลุ่มลูกค้า Gen Z กลับมาช้อปปิงที่หน้าร้านมากขึ้น ตอบโจทย์ประสบการณ์การสัมผัสและทดลองสวมใส่สินค้า
Pomelo แพลตฟอร์มแฟชั่นชั้นนำ วิเคราะห์การกลับมาของกลุ่มลูกค้าในยุคโควิด-19คลี่คลาย พบว่าดีมานด์เริ่มฟื้นตัวอย่างชัดเจนแบบช่วงก่อนโควิด ทำให้แบรนด์นำเทรนด์หลังยุคโควิดเหล่านี้มาปรับใช้ในกลยุทธ์ทั้งสำหรับธุรกิจแบรนด์เสื้อผ้า ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ แหล่งรวมแบรนด์ไลฟ์สไตล์ และ ธุรกิจ Prism แบรนด์โซลูชัน เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน
โดยมุ่งเน้นทิศทางสินค้าของแบรนด์ให้ตอบรับกับไลฟ์สไตล์หลังโควิด โดยแบรนด์ได้มองเห็นการเติบโตของกลุ่มสินค้าหมวด workwear ที่มียอดขายเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่าภายในหนึ่งปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลจากการเปิดประเทศบวกกับนโยบายการกลับมาทำงานที่ออฟฟิศทั่วทั้งภูมิภาค เพื่อตอบรับความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนไปนี้ Pomelo จึงมุ่งเน้นพัฒนาสินค้าหมวด workwear ที่ยังคงไว้ซึ่งสไตล์แบบ #PomeloGirls
ข่าวธุรกิจอื่นๆที่น่าสนใจ
เจาะพฤติกรรม Gen Z หันกลับมาช้อปออฟไลน์
ในขณะที่ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ (E-Commerce) เติบโตอย่างก้าวกระโดดในช่วงวิกฤตโรคระบาด ภายหลังโควิดเรากลับเห็นความเปลี่ยนแปลงของลูกค้าในกลุ่ม Gen Z (อายุ 19-24 ปี) ที่กลับมาช้อปปิงที่หน้าร้านมากขึ้น โดยปัจจุบัน 78% ของลูกค้า Gen Z ของแบรนด์ Pomelo กำลังช้อปปิงผ่านช่องทางออฟไลน์ที่ตอบโจทย์ประสบการณ์การสัมผัสและทดลองสวมใส่สินค้า โดย Pomelo เชื่อว่าโมเดลแบบมีหน้าร้าน หรือ brick-and-mortar จะต้องพัฒนาและปรับตัว แต่จะไม่สูญหายไปและยังคงมีความสำคัญต่อวงการค้าปลีก ทำให้ Pomelo มุ่งพัฒนาประสบการณ์แบบ omnichannel ให้แก่ลูกค้าผ่านบริการเหนือระดับอย่าง Tap.Try.Buy ที่เชื่อมต่อโลกออฟไลน์และออนไลน์เข้าด้วยกันอย่างไร้รอยต่อ
เน้นความยั่งยืน
นอกจากนี้ Pomelo ได้เล็งเห็นว่าโควิด-19 ได้สร้างความตระหนักรู้ในเรื่องสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนที่เพิ่มสูงขึ้นในกลุ่มลูกค้า โดยสินค้าที่ทำจากวัสดุรักษ์โลกและผ่านกระบวนการเป็นมิตรต่อโลกนั้น คิดเป็นสัดส่วน 5.6% ของสินค้าทั้งหมดที่ลูกค้าเข้าชมผ่านช่องทางออนไลน์ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา เปรียบเทียบกับสัดส่วนเพียง 0.8% ในเดือนตุลาคม ปี 2563 ซึ่งเทรนด์นี้ยังสอดคล้องกับเป้าหมายของ Pomelo ที่มุ่งเพิ่มกลุ่มสินค้าที่สนับสนุนความยั่งยืนเป็นสัดส่วน 40% ของสินค้าทั้งหมดของแบรนด์
หนุนคอมมิวนิตี้ เติบโตคู่แบรนด์ไทย
ในช่วงปีที่ผ่านมาที่ธุรกิจทั่วภูมิภาคได้รับผลกระทบจากวิกฤตโรคระบาดทำให้ Pomelo เล็งเห็นความสำคัญในการสร้างโอกาสให้แบรนด์ในภูมิภาคผ่านการช่วยให้ลูกค้าเข้าถึงและค้นพบแบรนด์ต่าง ๆ ได้ง่ายและสะดวกสบายมากขึ้น โดยปัจจุบัน 75% ของแบรนด์ในแพลตฟอร์ม Pomelo เป็นแบรนด์ไทย อาทิ Merge, Two Twice หรือ Vinn Patararin ซึ่งได้เข้าร่วมบนแพลตฟอร์มในปี 2022 นี้ นอกจากนี้ Pomelo ยังหนุนแบรนด์ไทยต่าง ๆ ผ่านแคมเปญทางการตลาด ไม่ว่าจะเป็น Rising Star Week หรือ Brand Fest และในปีหน้า Pomelo มีแผนที่จะสานต่อความมุ่งมั่นในการสนับสนุนคอมมิวนิตี้ผ่านโครงการพัฒนานักศึกษาจบใหม่สู่การเป็นดีไซเนอร์หน้าใหม่
เสริมความแข็งแกร่งสู่อุตสาหกรรมแฟชั่น
วิกฤตโรคระบาดได้ทำให้ธุรกิจและคอมมิวนิตี้ได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น อีกทั้งยังเผยให้เห็นถึงความสำคัญของระบบนิเวศอุตสาหกรรมแฟชั่นที่มีการร่วมมือกันระหว่างพันธมิตรทางกลยุทธ์ ซึ่งช่วยให้ผู้เล่นขนาดเล็กได้เติบโตและเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน ในขณะที่ลูกค้าเองก็จะได้เข้าถึงสินค้าและบริการที่มีคุณภาพมากขึ้น นอกจากนี้ เพื่อเป็นการตอบรับต่อเทรนด์การกลับมาของการช้อปปิงออฟไลน์ Prism ได้จัดตั้งโปรแกรม 'Site to Store' เพื่อมอบโอกาสให้อินสตาแกรม แบรนด์ ได้มีพื้นที่ออฟไลน์ในหน้าร้านของ Pomelo และได้เติบโตผ่านการตลาดแบบ omnichannel ที่แข็งแรงในโลกหลังโควิด