SHORT CUT
บทวิเคราะห์ การแตะนิวไฮของบิทคอยน์ ไม่ใช่แค่เรื่องราคา แต่เป็นสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างทางการเงินดิจิทัลครั้งใหญ่
การทะยานขึ้นของ ราคาบิทคอยน์สู่ระดับสูงสุดใหม่ที่เกินระดับ 88,000 ดอลลาร์หลังการเลือกตั้งขั้นต้นในสหรัฐฯ ซึ่งโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังจะได้กลับมาเป็นประธานาธิบดีสมัยที่ 2 ไม่เพียงสะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อสินทรัพย์ดิจิทัล แต่ยังเป็นสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในระบบการเงินโลก ท่ามกลางการปรับเปลี่ยนทางการเมืองและนโยบายที่กำลังส่งผลกระทบในวงกว้าง
โดยล่าสุด ราคาบิตคอยน์ (Bitcoin : BTC) วันนี้ (14 พ.ย.67) พุ่งรุนแรง โดยแตะระดับสูงสุดที่ 93,409 ดอลลาร์ บนเว็บไซต์คอยน์มาร์เก็ตแคป ณ เวลา 7.30 น. ซึ่งถือเป็นการทำนิวไฮใหม่ครั้งที่ 4 หลังจาก โดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีสหรัฐ สมัยที่ 2 ก่อนที่จะลดระดับลงมาที่ 90,231 ณ เวลา 08:12 น. บนเว็บไซต์ investing
โดย นิรันดร์ ฟูวัฒนานุกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กัลฟ์ ไบแนนซ์ ให้มุมมองว่า เปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างที่จะกำหนดอนาคตของระบบการเงินโลก
"การเคลื่อนไหวของตลาดในครั้งนี้ไม่ใช่แค่เรื่องของราคา แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างที่จะกำหนดอนาคตของระบบการเงินโลก เราเห็นการหลอมรวมระหว่างการเงินแบบดั้งเดิมและดิจิทัลที่ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ โดยมีแรงขับเคลื่อนจากนโยบายและการยอมรับในระดับสถาบัน"
การปรับเปลี่ยนทีมงานด้านนโยบายคริปโตของโดนัลด์ ทรัมป์ล่าสุด สะท้อนวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนต่ออนาคตของสินทรัพย์ดิจิทัล
"การปรับเปลี่ยนครั้งนี้ส่งสัญญาณถึงการยอมรับบทบาทของคริปโตในระดับนโยบาย เราคาดว่าจะเห็นการพัฒนากรอบกฎหมายและกฎระเบียบที่เอื้อต่อนวัตกรรมมากขึ้น โดยยังคงให้ความสำคัญกับการคุ้มครองนักลงทุนและเสถียรภาพของระบบ"
การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่ราคาของสินทรัพย์ดิจิทัล แต่ยังรวมถึงการปรับตัวครั้งใหญ่ของสถาบันการเงินทั่วโลก
"เราเห็นการเปลี่ยนแปลงที่น่าตื่นเต้นในระบบนิเวศการเงิน สถาบันการเงินกำลังปรับตัวครั้งใหญ่เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าและโอกาสทางธุรกิจที่เพิ่มขึ้น"
การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยี การสร้างผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ รวมถึงการพัฒนาบุคลากรให้มีความเชี่ยวชาญด้านสินทรัพย์ดิจิทัล กำลังเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในภาคการเงิน การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนในระบบการเงินโดยรวม
การเปลี่ยนแปลงของตลาดคริปโตกำลังส่งผลกระทบอย่างลึกซึ้งต่อโครงสร้างตลาดทุนโลก การทะยานขึ้นของราคาบิทคอยน์ไม่ได้เป็นเพียงปรากฏการณ์ราคา แต่สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงพื้นฐานในระบบการเงินโลก
"เราเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ลึกซึ้งในพฤติกรรมของนักลงทุนสถาบัน ที่เริ่มมองคริปโตเป็นส่วนสำคัญของพอร์ตการลงทุนระยะยาว"
ในด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์การลงทุน เราเห็นการเติบโตของเครื่องมือทางการเงินที่ซับซ้อนมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ETF ที่อิงกับสินทรัพย์ดิจิทัล การพัฒนาตราสารอนุพันธ์ และผลิตภัณฑ์ Structured products ที่ผสมผสานระหว่างสินทรัพย์ดิจิทัลกับสินทรัพย์แบบดั้งเดิม
"นวัตกรรมทางการเงินเหล่านี้จะช่วยเพิ่มสภาพคล่องและประสิทธิภาพของตลาด"
การบูรณาการระหว่างตลาดการเงินแบบดั้งเดิมและดิจิทัลกำลังเร่งตัวขึ้น โดยเฉพาะในด้านโครงสร้างพื้นฐาน ระบบการชำระเงิน และการบริหารความเสี่ยง สถาบันการเงินชั้นนำทั่วโลกกำลังลงทุนอย่างมหาศาลในเทคโนโลยีบล็อกเชนและระบบดิจิทัล เพื่อรองรับการเติบโตของตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล
"อนาคตของตลาดทุนจะเป็นการผสมผสานระหว่างระบบดั้งเดิมและดิจิทัลอย่างไร้รอยต่อ"
การเปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผลต่อการจัดสรรเงินทุนทั่วโลก โดยเฉพาะในตลาดเกิดใหม่ที่อาจได้รับประโยชน์จากการเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่ง่ายขึ้น การลดต้นทุนธุรกรรม และการเพิ่มประสิทธิภาพในการระดมทุน
โดย สำหรับ นโยบายของโดนัลด์ ทรัมป์ ในการบริหารประเทศนั้น ถือว่าเอื้อต่อการเติบโตของเงินดิจิทัลมากๆ เพราะ มีการลดภาษีที่ทำให้เกิดสภาพคล่องในตลาดการเงิน และนำไปสู่การลงทุนในเงินคริปโต
และในช่วงก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปีนี้ ทรัมป์ยังได้ใช้เงินบิตคอยน์ซื้อแฮมเบอร์เกอร์ในนิวยอร์ก เมื่อเดือนกันยายน 2024 โดนัลด์ ทรัมป์พร้อมด้วยกลุ่มนักธุรกิจและลูกชายของเขา ประกาศว่าจะเปิดตัวเเพลตฟอร์ม World Liberty Financial สำหรับการซื้อขายเงินดิจิทัล แต่ก่อนหน้าในเดือนนี้แพลตฟอร์มดังกล่าวทำยอดขายไม่ได้ดีนัก
การทะยานขึ้นของราคาคริปโตหลังการเลือกตั้งสหรัฐฯ เป็นมากกว่าปรากฏการณ์ทางตลาด แต่เป็นสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในระบบการเงินโลก การผสมผสานระหว่างนโยบายที่เอื้อประโยชน์ การยอมรับจากสถาบัน และการพัฒนาเทคโนโลยี กำลังสร้างรากฐานสำหรับระบบการเงินยุคใหม่
"เรากำลังอยู่ในจุดเปลี่ยนที่สำคัญ การเติบโตของตลาดคริปโตไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของราคา แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงพื้นฐานในวิธีที่เราจัดการและเข้าถึงบริการทางการเงิน การเปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผลกระทบต่อทุกภาคส่วนของเศรษฐกิจโลก และจะกำหนดอนาคตของระบบการเงินในทศวรรษหน้า"
ข่าวที่เกี่ยวข้อง