SHORT CUT
แผนการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการใช้ Digital Wallet นั้น นักวิเคราะห์จากศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า ช่วยหนุนยอดขายปลีก 1% จากที่เคยคาดไว้ว่าจะโต 3% และร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการอาจจะน้อยเพราะเงื่อนไขเยอะ
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า Digital wallet จะส่งผลต่อยอดค้าปลีกมากน้อยเพียงใด ยังคงขึ้นอยู่กับหลายเงื่อนไข ไม่ว่าจะเป็นการกำหนดพื้นที่และประเภทร้านค้า ประเด็นทางด้านกฎหมาย รวมถึงระบบการใช้งานของแอปพลิเคชันที่ยังต้องรอติดตาม ซึ่งการกำหนดเงื่อนไขต่างๆ อาจส่งผลต่อร้านค้าปลีกและพฤติกรรมการใช้เงินของผู้บริโภคที่แตกต่างกัน
ร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการโดยเฉพาะร้านค้าที่เดิมอยู่นอกระบบภาษีจะมีเงื่อนไขกำหนด ปัจจุบันร้านค้าที่เป็นผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (MSME) มีทั้งหมด 1.4 ล้านราย โดยเป็นร้านค้าที่จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลเพียง 2.8 แสนราย หรือราว 20% เท่านั้น
การใช้ Digital wallet ในรอบแรกระหว่างประชาชนกับร้านค้าหรือร้านสะดวกซื้อขนาดเล็ก จะต้องเป็นร้านที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการในช่วงไตรมาส 3 แต่ร้านค้าจะไม่สามารถถอนเงินสดได้ทันทีหลังประชาชนใช้จ่าย ซึ่งร้านค้าต้องไปใช้จ่ายกับร้านค้า และร้านค้าที่จะถอนเงินสดได้จะต้องเป็นร้านที่อยู่ในระบบภาษี
ร้านค้าที่จะลงทะเบียนเข้าร่วม ต้องชั่งน้ำหนักความคุ้มค่า ทั้งในมิติของยอดขาย การคาดเดาพฤติกรรมของผู้บริโภคว่าจะใช้จ่ายอย่างไร และซื้อสินค้าประเภทไหน รวมถึงการถอนเงินตามเงื่อนไขที่กำหนด
หากเป็นร้านค้าขนาดเล็กที่ต้องการเงินสดในทันทีและเดิมไม่ได้อยู่ในระบบภาษี อาจจะรู้สึกถึงความไม่คุ้มค่าจนตัดสินใจที่จะไม่เข้าร่วมโครงการ ทำให้ร้านค้าที่จะเข้าร่วมสุดท้ายแล้วอาจมีจำนวนน้อยกว่าที่คาดหวัง ส่งผลให้ประโยชน์ทางเศรษฐกิจ หรือการกระจายรายได้ไปยังร้านค้าต่างๆ อย่างทั่วถึง ก็จะมีอย่างจำกัด
หาก Digital wallet สามารถดำเนินการได้ทันทีในไตรมาส 4 ตามแผนที่วางไว้ อาจส่งผลให้ยอดขายค้าปลีกปี 2567 โต 4% ขยับขึ้นจากเดิมที่คาดว่าจะโต 3% กรณีไม่มีมาตรการฯ หรือเพิ่มขึ้นไม่มากราว 1% โดยประเมินจากการใช้จ่ายสินค้าอุปโภคบริโภคบนฐานธุรกิจค้าปลีกที่น่าจะเพิ่มไม่ถึง 0.55 บาท
หากผู้บริโภคมีรายได้เพิ่ม 1 บาท (Marginal propensity to consume: MPC) ภายใต้สมมติฐานธุรกรรมเกิดขึ้น 2 รอบและราว 2 ใน 3 ตกในไตรมาส 4
ทั้งนี้ ยอดขายค้าปลีกส่วนใหญ่เป็นสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน (ไม่รวมยอดขายยานพาหนะ และการรับประทานอาหารที่ร้านอาหาร) ซึ่งผู้บริโภคมีการวางแผนการใช้จ่ายอยู่แล้ว ทำให้การใช้จ่ายกรณีที่มีมาตรการฯ อาจจะไม่ได้เพิ่มขึ้น หรือเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมากนัก แต่เป็นเพียงการนำเงิน Digital wallet ที่ได้จากภาครัฐมาใช้แทนเงินในส่วนของตัวเอง
หากมาตรการฯ มีความล่าช้า รวมถึงผู้บริโภคบางกลุ่มที่ไม่ได้ติดปัญหาเรื่องการกลับไปใช้เงินที่ภูมิลำเนา ก็อาจมีการทยอยใช้เงินหรือวางแผนใช้เงินในปีหน้า จึงอาจส่งผลต่อยอดขายของค้าปลีกในปี 2568 แทน
ดังนั้น ผลของมาตรการฯ อาจไม่ได้หนุนผู้ประกอบการค้าปลีกให้มียอดขายที่ดีขึ้นเท่ากันทุกราย ขึ้นอยู่กับสภาพการแข่งขันของร้านค้าปลีกที่ลงทะเบียนเข้าร่วมในแต่ละพื้นที่ รวมถึงพฤติกรรมการใช้เงินของผู้บริโภค อีกทั้งยังต้องติดตามเงื่อนไขของมาตรการฯ ที่อาจเปลี่ยนแปลงในรายละเอียดได้อีก
อ่านข่าวอื่นๆ เพิ่มเติม