SHORT CUT
Grab เผยแผนธุรกิจปี 2567 ชูกลยุทธ์ 4A เน้นเรื่องของการใช้ AI และแมชชีน เลิร์นนิง พร้อมปรับแพ็กเกจสำหรับชาวต่างชาติมาไทย เพิ่มบริการจองล่วงหน้าเอาใจนักท่องเที่ยว
นายวรฉัตร ลักขณาโรจน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ แกร็บ ประเทศไทย เผยว่า ด้วยอานิสงส์ของนโยบายการเปิดประเทศและการส่งเสริมการท่องเที่ยวของรัฐบาล ทำให้ในปีที่ผ่านมา ยอดใช้บริการเรียกรถผ่านแอปพลิเคชัน Grab ในกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติเติบโตขึ้นถึง 139%
ขณะที่ธุรกิจเดลิเวอรี อย่างบริการ GrabFood และ GrabMart ยังคงครองใจผู้ใช้บริการ ขณะเดียวกัน ก็ได้พัฒนาฟีเจอร์และบริการใหม่ๆ ออกมาเพื่อตอบสนองพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป เช่น
ปัจจุบันประเทศไทยมีมูลค่าเศรษฐกิจดิจิทัลสูงถึง 3.6 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจเรียกรถผ่านแอปและฟู้ดเดลิเวอรี คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตสูงถึง 15% ภายในปี 2568
ปีนี้ แกร็บ ประเทศไทย เตรียมรุกธุรกิจมุ่งเน้นไป ที่ 4 ประเด็นหลัก หรือ 4A ที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในสังคมและการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม เพื่อมุ่งสร้างการเติบโตทางธุรกิจอย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ กลยุทธ์ที่ Grab จะนำมาใช้สำหรับสร้างความพึงพอใจนั้น ไฮไลต์เด่นคือเรื่องของการนำเทคโนโลยี AI เข้ามาเสริมในเรื่องงานบริการ โดยซีอีโอแกร็บ ระบุว่า ในปีที่ผ่านมาแกร็บได้พัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI: Artificial Intelligence) และแมชชีนเลิร์นนิง (ML: Machine Learning) มากกว่า 1,000 โมเดล เพื่อพัฒนาบริการและเสริมประสิทธิภาพ เพื่อดำเนินธุรกิจทั่วทั้งภูมิภาค
สำหรับในปีนี้ แกร็บ ประเทศไทย ยังคงนำเทคโนโลยีที่พัฒนาเองเหล่านี้ มาใช้ต่อยอดเชิงกลยุทธ์เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีในการใช้แพลตฟอร์มให้กับผู้ใช้บริการ
รวมถึงพาร์ทเนอร์คนขับและร้านค้า อาทิ การนำ AI และ ML มาใช้ปรับปรุงและพัฒนาระบบพิจารณาเครดิตสำหรับการให้สินเชื่อกับพาร์ทเนอร์ หรือการพัฒนา GrabGPT เพื่อเป็นประโยชน์ในการทำคอนเทนต์หรืองานออกแบบภายในองค์กร เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังมีเรื่องของการเสริมบริการและความพึงพอใจให้แก่ผู้ใช้บริการผ่านกลยุทธ์ 4A อีกเพียบ ไม่ว่าจะเป็น
Active Users : สร้างความประทับใจให้กับผู้ใช้บริการ 3 กลุ่มหลัก คือ
ผ่านการผนึกความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับพันธมิตร อาทิ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ยกระดับความปลอดภัยและความสะดวกสบายในการเดินทางให้กับนักท่องเที่ยว
Affordability : เพิ่มทางเลือกให้กับผู้ใช้บริการและขยายฐานลูกค้าใหม่ๆ
เพื่อตอบโจทย์กลุ่มผู้ใช้บริการที่ให้ความสำคัญกับเรื่องราคาเป็นหลัก Grab เปิดตัวบริการ “GrabCar SAVER” สำหรับการเดินทางด้วยรถยนต์ขนาดเล็กลดลงสูงสุด 15% (เมื่อเทียบกับบริการ GrabCar) ซึ่งปัจจุบันได้ให้บริการแล้วใน 20 จังหวัด และบริการ “GrabBike SAVER” สำหรับการเดินทางด้วยรถจักรยานยนต์ ในระยะทางไม่เกิน 4 กิโลเมตร ราคาเริ่มต้น 26 บาท
ในส่วนของธุรกิจเดลิเวอรี เพิ่มทางเลือกในการจัดส่งอาหารแบบประหยัดหรือ “SAVER Delivery” โดยเปิดตัวซับแบรนด์ใหม่ “Hot Deals” เป็นเครื่องหมายการันตีความคุ้ม
Ads & New Services : ขยายบริการ GrabAds เพื่อเพิ่มสัดส่วนรายได้จากธุรกิจโฆษณา
แกร็บเตรียมผลักดัน “Self-serve Ads” เครื่องมือในการโฆษณา สำหรับพาร์ทเนอร์ร้านค้า ที่เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็กสามารถเพิ่มยอดขายจากการทำโฆษณาและแนะนำโปรโมชันกับลูกค้าได้ด้วยตัวเอง โดยมีผลตอบแทนจากการโฆษณา (Return on Ad Spend) เฉลี่ยสูงถึง 6 เท่า
นอกจากนี้ ยังวางแผนที่จะพัฒนาและปรับปรุงบริการใหม่ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจเรียกรถและเดลิเวอรี อาทิ บริการจองการเดินทางล่วงหน้า (Advance Booking) และกินที่ร้าน (Dine-in) ให้มีประสิทธิภาพและตอบโจทย์ผู้ใช้บริการยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ แกร็บ ประเทศไทย ยังเดินหน้าสานต่อโครงการสำคัญต่างๆ เช่น โครงการ GrabEV เพื่อผลักดันการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าในกลุ่มพาร์ทเนอร์คนขับให้ได้ 10% ภายในปี 2569
โครงการ Carbon Offset ปลูกต้นไม้เพื่อชดเชยคาร์บอนจากการใช้บริการ รวมถึงการพัฒนาศักยภาพและส่งเสริมการเข้าถึงโอกาสในการสร้างรายได้ให้กับพาร์ทเนอร์คนขับและร้านค้าเพื่อเป้าหมายในการสร้างธุรกิจให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน
อ่านข่าวอื่นๆ เพิ่มเติม