AI เป็นปัญหากับวงการดนตรี หรือ ทางใหม่แห่งการสร้างสรรค์ ?
ชวนเปิดมุมมอง ประเด็น AI หรือปัญญาประดิษฐ์ ที่มีผลกระทบต่อวงการลิตเพลง , หากเอา AI มาใช้กับวงการเพลง จะเป็นการบ่อนทำลาย วงการดนตรี หรือนี่อาจเป็นทางใหม่แห่งการสร้างสรรค์ ในอนาคต ?
SHORT CUT
- AI นั้น ได้แทรกซึม ไปในทุกๆวงการ ไม่เว้นแม้แต่กระทั่ง วงการดนตรี หรือ วงการเพลง
- AI ได้กลายเป็นปัญหาของอุตสาหกรรมเพลงที่ยังแก้ไม่ตกและไร้ทางออก
- หรือว่า แท้ที่จริงแล้ว AI นั้นจะเป็น เส้นทางใหม่ของความครีเอต และการสร้างสรรค์ผลงาน กันแน่ ?
ชวนเปิดมุมมอง ประเด็น AI หรือปัญญาประดิษฐ์ ที่มีผลกระทบต่อวงการลิตเพลง , หากเอา AI มาใช้กับวงการเพลง จะเป็นการบ่อนทำลาย วงการดนตรี หรือนี่อาจเป็นทางใหม่แห่งการสร้างสรรค์ ในอนาคต ?
เรื่องของเทคโนโลยี กลายเป็นเรื่องที่ แทรกซึม ไปในทุกๆวงการ ไม่เว้นแม้แต่กระทั่ง วงการดนตรี หรือ วงการเพลง , และคำถามสำคัญ ในเวลานี้ คือ AI ได้กลายเป็นปัญหาของอุตสาหกรรมเพลงที่ยังแก้ไม่ตกและไร้ทางออก หรือว่า แท้ที่จริงแล้ว AI คือ เส้นทางใหม่ของความครีเอต และการสร้างสรรค์ผลงาน กันแน่ ?
หากมองด้วย แว่นตาแห่งความเป็นจริง กับโลกที่หมุนและมันเป็นไปในตอนนี้ , ดนตรี นั้นเป็นเรื่องของการสร้างสรรค์ เป็นเรื่องของงานศิลปะที่เล่าผ่านตัวโน้ต ไร้พรมแดน ไร้ขีดจำกัดมากขึ้นเรื่อยๆ และเมื่อเทคโนโลยีเข้าถึงได้ง่ายแล้ว นั่นหมายความว่า การทำเพลง ย่อมเป็นเรื่องง่าย และ สะดวกสบายกว่ายุคอดีตแน่นอน แล้วยิ่งมี AI ด้วยแล้ว การทำเพลงย่อมง่ายขึ้นแบบทวีคูณ
แต่ในทางกลับกัน AI มีศักยภาพในการปฏิวัติวงการเพลง ไปอีกรูปแบบหนึ่งได้เลยด้วยซ้ำ
แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อมี AI เข้ามาเป็นส่วนประกอบของวงการเพลง ก็ทำให้เกิดความกังวล เกี่ยวกับประเด็นความถูกต้องและความเป็นเจ้าของงานสร้างสรรค์ และที่ตามมาหลังจากนั้น ก็คือ AI กับวงการเพลง จะก่อให้เกิดประเด็นที่ถกเถียงกันอยู่ หนึ่งในประเด็นที่กำลังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ในขณะนี้คือ AI เทคโนโลยีก่อให้เกิดความท้าทายต่อกฎหมายลิขสิทธิ์แบบดั้งเดิมในอุตสาหกรรมเพลง
ณ เวลานี้ AI สามารถปลุก เสียงของศิลปินที่ตายไปแล้ว เอากลับมาเป็นร้องเพลงได้เลย , โดย AI มันได้สร้างความสะดวกสบายให้กับทุกคนที่มีใจอยากจะทำผลงานเพลง หรืออยากจะได้ยินเสียงของนักร้องคนโปรดได้มาร่วมร้องในบทเพลงที่ตนสร้างสรรค์ขึ้นมาสักครั้ง และในปัจจุบันก็สามารถทำได้ง่ายๆ ไม่ยุ่งยาก ไม่มีอะไรซับซ้อน แถมทำได้รวดเร็ว และยังนำออกไปเผยแพร่ใช้งานได้จริงๆ
ขณะเดียวกัน ในต่างประเทศ เคยมี กรณีที่ เพลง “Heart on My Sleeve” โดยโปรดิวเซอร์ในเงาพิศวง ‘Ghostwriter’ ซึ่งซ่อนใบหน้าเอาไว้ภายใต้ผ้าปูที่นอนสีขาว บทเพลงนี้เป็นเพลงในแบบของ Drake มีเสียงร้องของ Drake และฟีเจอริงโดย The Weeknd แต่ในความเป็นจริงแล้ว เพลงๆนี้ ทำมาจาก AI
และจากดราม่า ผลิตเพลงจาก AI กรณีนี้ ทำให้ บริษัท Universal Music Group ซึ่งเป็นตัวแทนของทั้งเดรค (Drake) และ เดอะ วีคเอนด์ (The Weeknd) ได้ออกแถลงการณ์เน้นย้ำถึงความจำเป็นที่จะปกป้องผลงานด้านดนตรีของเหล่าศิลปิน แต่ผู้เชี่ยวชาญมองว่าการทดลองด้านดนตรีด้วย AI ที่เกิดขึ้น เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น
และที่มากไปกว่านั้น , เมื่อมองถึงแก่นแท้ ของสิ่งที่เกิดขึ้น เทคโนโลยีเหล่านี้ก่อให้เกิดความกังวลหลายประการ หาก AI สามารถสร้าง ‘ผลงานเพลงได้เอง’ ซึ่งนั่นหมายความว่าตัวศิลปินหรือนักดนตรีรวมไปถึงกลุ่มคนผู้อยู่เบื้องหลังในวงการ ย่อมมีความกังวลว่าอาจจะถูกแทนที่ได้
ขณะเดียวกัน , ในโลกแห่งดนตรีที่ไร้พรมแดน นั่นทำให้ มีกลุ่มผู้สนับสนุนบางคนที่ชื่นชอบการทำเพลงที่ทำจาก AI ด้วยซ้ำ และมีแฟนเพลงบางกลุ่มนิยมฟังเพลงที่แต่งขึ้นด้วย เทคโนโลยี AI ก็ได้แสดงความคิดเห็นในภาพรวมว่า ความก้าวหน้าตรงนี้จะทำให้ดนตรีมีความเข้าถึงง่ายและหลากหลายมากขึ้น ความก้าวหน้าในลักษณะนี้ หากมองอีกมุมก็ถือที่น่ากลัวแบบนี้ของ AI เพราะถือเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ของศิลปินหลายคน เปรียบดั่งการขโมย เอาความเป็นตัวตนและน้ำเสียงของพวกเขามาใช้ โดยไม่ได้รับความยินยอม
แม้ AI จะทำให้ การทำเพลง แนบเนียนขึ้น , แต่ในความเป็นจริงแล้ว ความแตกต่างของมนุษย์และ AI ก็ยังมีอยู่ไม่น้อย , เพราะถึงแม้ นวัตกรรมที่ฉลาดล้ำนี้จะสามารถเรียนรู้ฐานข้อมูลนับร้อยนับพันเพื่อใช้ในการสร้างสรรค์ ผลงานขึ้นมาสักชิ้น แต่มนุษย์เรากลับสามารถใช้จิตวิญญาณและความรู้สึกในการถ่ายทอดเรื่องราวและท่วงทำนองทางดนตรีออกมาสู่ผู้ฟังได้อย่างล้ำลึก เกินกว่าที่ปัญญาประดิษฐ์จะสัมผัสได้อยู่แล้ว
ที่แน่นอนที่สุด คือ AI ไม่มีประสบการณ์ชีวิต ไม่เคยเผชิญความบอบช้ำทางจิตใจ หรือการดำเนินชีวิตประจำวัน AI จึงขาดการมองโลกแบบเติบโต ชนิดที่เราซึ่งเป็นมนุษย์สามารถเชื่อมโยงได้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
