ถ้าเมื่อก่อนเราใช้ Siri กับ Alexa ในการถามตอบและแปลภาษา Samsung ก็เลือกความสามารถด้านการตอบและแปลของ AI นี้ มาเป็นจุดเด่นให้ Samsung Galaxy s24 Series เพื่อเป็นจุดเด่นของปี 2024 ปีแห่งการใช้ AI
หลังการเปิดตัวอย่างเป็นทางการของ Samsung Galaxy S24 Series ที่ ซัมซุง เคยขายจุดเด่นของเครื่องรุ่นใหม่ไว้ว่า "AI is Coming" นั้น นับได้ว่าเป็นเรื่องที่ไม่น่าแปลกใจ แต่ก็ยังไม่ว้าวถึงขนาดยอมจ่าย 33,900 บาท (รุ่นเริ่มต้น) แบบทันที ถ้าไม่นับเรื่องพรีเซนเตอร์อย่าง คัลแลนและพี่จอง ที่ถูกแทรกขึ้นมาเทียบคู่กับ มาริโอ เมาเร่อ แบบกะทันหัน เพราะกระแสที่มาแรงสุดๆ
ด้วย Samsung Galaxy Series นั้น เปิดให้พรีออเดอร์พร้อมกันในหลายรุ่น ไม่ว่าจะเป็น
Galaxy S24 Ultra
Galaxy S24+
Galaxy S24
การออกมาเป็นเซ็ตซีรีย์แบบนี้ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่แบรนด์สมาร์ตโฟนนิยมกัน เพราะเป็นการให้ผู้บริโภคเลือกซื้อได้ตามกำลังเงินที่ไหวในฟีเจอร์ที่มากน้อยแตกต่างกันตามราคาและสเปคเครื่อง แน่นอนว่าคนที่ตัดสินใจซื้อก็จะพิจารณาจาก
แต่ในความเป็นจริงแล้ว ผู้บริโภคย่อม "เปรียบเทียบ" ความว้าวของมือถือที่เป็นไฮเอนด์เรื่องเทคโนโลยีมากกว่าแค่ถ่ายรูปสวย แล้ว S24 จะสู้ AI ของ Apple ได้จริงหรือไม่
International Data Corporation เผยข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับความต้องการสมาร์ตโฟนกลุ่มพรีเมียมและระบบปฏิบัติการ iOS ว่า Apple ค่อนข้างจะครองใจผู้บริโภคในเรื่องของฟีเจอร์และนวัตกรรมที่แม้ว่าจะมาช้ากว่าระบบปฏิบัติการณ์แอนดรอยด์ แต่กลับได้รับความสนใจมากกว่า
แม้ว่า Samsung จะดึงเรื่องของ AI ขึ้นมา เพื่อชูความเป็นหนึ่งในผู้นำด้านนวัตกรรม และหวังใช้ปัญญาประดิษฐ์ โดยชูไปในเรื่องของการแปลภาษาด้วย AI แบบเรียลไทม์ มากถึง 13 ภาษา ที่ตั้งใจชูจุดเด่นว่าพัฒนาขึ้นมาเอง เพื่อใช้ในผลิตภัณฑ์ของตนเองที่ต้องใช้การสั่งงาน เช่น เครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น ทีวี ซึ่งเป็นกลุ่มสินค้าที่ซัมซุงมีส่วนแบ่งการตลาดที่ดีในทั่วโลก และซัมซุงก็พยายามสร้างความน่าเชื่อถือเรื่อง AI ต่อผู้บริโภคว่าปลอดภัย ข้อมูลส่วนตัวไม่รั่วไหลแน่นอน
นอกจากนี้ ยังมีฟังก์ชัน "วงกลมเพื่อค้นหา" เชื่อมกับระบบการค้นหาของ Google ก็เป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ที่ชูความโดดเด่นจากการใช้ AI กับระบบปฏิบัติการณ์แอนดรอยด์ให้ง่ายขึ้น
ฟังก์ชันสรุปข้อความและแปลการบันทึกเสียงด้วย AI ก็เป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์คนที่ต้องอ่านเอกสารยาวๆ และช่วยแปลข้อมูลทั้งหมดให้ทำงานได้เร็วขึ้น
ฟีเจอร์เหล่านี้ ถามว่าว้าวไหมสำหรับการจะชูเรื่อง AI และขยับขึ้นมาอยู่บนตลาดพรีเมียมแทน Apple ก็คงต้องเน้นแข่งเรื่องนวัตกรรมที่ทำให้ชีวิตง่ายขึ้น
ด้วยกระแสความน่าสนใจของ AI ทำให้ทุกกลุ่มสินค้าเทคโนโลยีที่ไม่ใช่แค่สมาร์ตโฟน ต่างก็อยากดึง AI เข้ามาเป็นหนึ่งในฟีเจอร์ที่อยากให้ว้าว อยากให้ปัง ในสายตาของผู้ใช้งาน
Canalys คาดการณ์ไว้ว่าในปี 2567 จะมีสมาร์ตโฟนเพียง 5% เท่านั้นที่สามารถใช้งาน AI ได้อย่างเต็มที่ และจะค่อยๆ เพิ่มขึ้นเป็น 45% ในปี 2570
นักวิเคราะห์ตลาดสมาร์ตโฟนมองว่า การเพิ่ม AI เข้าไปในอุปกรณ์เทคโนโลยีรุ่นใหม่ๆ จะสร้างผลกระทบต่อตลาดสมาร์ตโฟนอย่างมีนัยยะสำคัญ โดยเฉพาะในแง่ของประสบการณ์ใช้งาน ที่ผู้บริโภคจะคาดหวังให้ดีขึ้นและเหนือชั้นขึ้นไปเรื่อยๆ
แสดงให้เห็นว่าแบรนด์สมาร์ตโฟนที่ใช้ระบบปฏิบัติการ iOS และ Android ยังมีเวลาที่จะพัฒนาขีดความสามารถของฟังก์ชันต่างๆ ที่ใช้ AI อยู่เบื้องหลังควรที่จะมีข้อมูลและเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าเทคโนโลยีได้มากกว่าแค่สรุปข้อความ แปลภาษา หรือว่าตอบคำถาม เท่านั้น
แล้วผู้บริโภคคาดหวังว่า Apple และ Samsung สองแบรนด์ที่เป็นเจ้าตลาดสมาร์ตโฟน ควรมีความเจ๋งเรื่องเทคโนโลยีมากน้อยแค่ไหนกันบ้าง
ภาพ : Samsung
อ่านข่าวอื่นๆ เพิ่มเติม