เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีของ Microsoft ที่มีมูลค่าบริษัทแซง Apple จากภาวะยอดขาย iPhone ตกไป 30% ตั้งแต่ช่วงปีใหม่ และการลงทุนใน OpenAI ก็เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ ที่ทำให้บริษัทมีมูลค่ากิจการอยู่ที่ 2.887 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 3% จากปีก่อนหน้า
นับได้ว่าปีแห่งการลงทุนและลดคน จนได้ผลย้อนกลับมาจนทำให้ Microsoft กลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก ส่งผลให้มีมูลค่าตลาดหุ้นสูงกว่า Apple ไปแล้ว
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ถือว่ากลายเป็นจุดเปลี่ยนของทั้งสองยักษ์เทคโนโลยีชื่อดังอย่าง Apple ที่ครองแชมป์มาโดยตลอด ต้องถูกลดมูลค่าตลาด ลงไปอยู่ที่ 2.875 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ และการที่มูลค่าบริษัทของ ไมโครซอฟต์ ขยับขึ้นมาเป็น 2.887 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ
การที่มูลค่าของบริษัทขยับเปลี่ยนตำแหน่งครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นว่าตลาดสมาร์ตโฟนอาจส่งผลกระทบต่อ Apple อย่างหนัก
ตลาดสมาร์ตโฟนที่ผู้บริโภคยุคใหม่คาดหวังเรื่องของเทคโนโลยีและ "จีน" เองก็พยายามอย่างหนักที่จะผลักดันแบรนด์ของตนเอง เข้าไปแทนที่สมาร์ตโฟนสัญชาติอเมริกาที่ผู้คนนิยมมาก ทำให้หุ้นของ Apple ลดลงไป 3% หลังจากพุ่งขึ้นไป 48% ในปี 2565 ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ Apple ยังต้องสู้อย่างหนัก เมื่อการฟื้นคืนชีพของ Huawei กระทบต่อ iPhone ที่แย่งส่วนแบ่งการตลาดในจีนหรือการขายชุดหูฟังอย่าง Vision Pro ที่ส่งผลกระทบด้านยอดขายแต่ก็ไม่ส่งผลต่อภาพรวมของธุรกิจของบริษัท
แนวทางการลงทุนของ OpenAI ของไมโครซอฟต์ เพราะเล็งเห็นโอกาสในการเป็นผู้นำด้านปัญญาประดิษฐ์ ในหลายปีที่ผ่านมาไมโครซอฟต์ลงทุน ChatGPT ไม่น้อยกว่าหมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อเดินหน้าเรื่องของ AI และ Deepmind ทำให้ ไมโครซอฟต์มีผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับ AI ไม่ว่าจะเป็น
นอกจากนี้ Microsoft เอง ก็มีแผนลงทุนด้านคลาวด์และสตาร์ตอัปในหลายประเทศ เช่น ในไทยมีความร่วมมือกับ InnovestX บริษัทลูกของ SCBX ในการนำ AI มาวิเคราะห์การลงทุน หรือแผนการลงทุนดาต้าเซ็นเตอร์ในไทย
สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นว่าไมโครซอฟต์เอง คาดหวังว่าจะเป็นเบอร์หนึ่งเรื่อง AI และต้องการกวาดทุกเทคโนโลยีที่มีความเกี่ยวเนื่องกับนวัตกรรมนี้ และนำไปใช้งานในทุกผลิตภัณฑ์ของบริษัท
ตลอดปี 2566 เรียกได้ว่าเป็นปีแห่งการปลดคน ทำให้พนักงานของไมโครซอฟต์ มีการเลิกจ้าง ยุบทีม และลดการใช้แรงงานคนไปไม่น้อยกว่า 10,000 คนของพนักงานทั่วโลก และไปเพิ่มความสามารถใน AI เพิ่มความเก่งของการตอบคำถามและช่วยเหลือการใช้งานผลิตภัณฑ์ให้ดีขึ้นกว่าเดิม
โดย Microsoft มีรายได้เพิ่มขึ้น 16% เป็น 61.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐจากการเติบโตของธุรกิจคลาวด์
อย่างไรก็ตาม ต้องจับตามองธุรกิจของไมโครซอฟต์ในปี 2024 ว่าจะมีแนวโน้มที่ดีและหุ้นจะพุ่งสูงขึ้นได้นานแค่ไหน หลังต้องลดคนทำงานจำนวนมาก เพื่อดึงเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ในงานให้มากขึ้น
ที่มา : Reuters
ภาพ : unsplash
อ่านข่าวอื่นๆ เพิ่มเติม