เศรษฐา พบบิ๊กเทค AWS-Microsoft-Google กระตุ้นลงทุนไม่น้อยกว่าแสนล้าน
นายกรัฐมนตรี เข้าพบทีมบริหารบริษัทเทคฯ ชื่อดังหลายค่าย ทั้ง AWS, Microsoft และ Google ที่สหรัฐอเมริกา หลังเข้าพบเทสลาไปก่อนหน้านี้ คาดดึงการลงทุนเข้าประเทศไม่น้อยกว่าแสนล้านบาท
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ได้พบกับทีมผู้บริหารบริษัทเทคยักษ์ชื่อดังระหว่างปฏิบัติภารกิจที่รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา โดยได้มีการหารือกับผู้บริหารบริษัท AWS ไมโครซอฟท์ และ Google ซึ่งแต่ละบริษัทที่คาดว่าจะมีการเข้ามาลงทุนมากกว่า 1 แสนล้านบาทต่อบริษัท และแต่ละบริษัทก็ยืนยันว่าจะเข้ามาลงทุนในไทยอย่างแน่นอน
ทางคณะผู้บริหาร AWS เผยว่า ชื่นชมในการผลักดันการเติบโตของประเทศไทยผ่านเทคโนโลยีที่มีมูลค่าสูงและเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม
โดยจะเข้ามาลงทุนในด้านของเทคโนโลยีคลาวด์ (AI, ML, data analytics, IoT) ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานทางด้านดิจิทัลที่สำคัญ และเป็นรากฐานในการพัฒนาประเทศทางด้านเศรษฐกิจและการเพิ่มโอกาสในการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ
ทั้งนี้ AWS จะเข้ามาลงทุนในรูปแบบของการเป็น hyperscale data center ระดับโลกเจ้าแรก ที่มีแผนการลงทุนก่อสร้าง AWS Asia Pacific (Bangkok) Region ในประเทศไทย ด้วยงบประมาณกว่า 1.9 แสนล้านบาท (US$5 พันล้านบาท) ในระยะเวลากว่า 15 ปี
นายเศรษฐา เผยว่า การเข้ามาลงทุนของ AWS จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ สร้างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่สำคัญในระยะยาว เพิ่มความปลอดภัย และปรับปรุงประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของภาครัฐ และช่วยสร้างแรงงานที่มีทักษะสูงที่ประเทศไทยกำลังขาดแคลน รวมทั้งการสนับสนุนให้เกิดการใช้คลาวด์เพื่อขับเคลื่อนประสิทธิภาพการพัฒนาบริการทางดิจิทัลให้แก่ประชาชนทั้งของรัฐและเอกชน อาทิ การเงิน อุตสาหกรรมการผลิต สาธารณสุข การค้าปลีก และ SMEs
อย่างไรก็ตาม การสร้างรัฐบาลดิจิทัลของทุกหน่วยงานให้เป็นรูปธรรมด้วยนโยบาย Cloud First Policy การผลักดันความร่วมมือด้านพลังงานหมุนเวียน สอดรับกับความเป็นผู้นำระดับโลก ในการก่อตั้งคำปฏิญาณ Climate Pledge ของ AWS ในการขับเคลื่อนการดำเนินงานดาต้าเซ็นเตอร์ทั่วโลก ด้วยพลังงานหมุนเวียน 100% ภายในปี 2025
ก่อนหน้านี้ นายกฯ ได้เข้าพบผู้บริหาร บริษัท ไมโครซอฟท์ โดยมองเห็นศักยภาพในประเทศไทยทั้งในด้านความพร้อมของ Clean energy และสิทธิประโยชน์ในการลงทุน ซึ่งได้มีการพูดคุยถึงการนำเอไอมาเพิ่ม Productivity ของภาครัฐ การลงทุนเกี่ยวเนื่องและการอัปสกิล โดยเฉพาะเอไอสกิลของคนไทย รวมทั้งไมโครซอฟท์ เชื่อว่าเอไอ จะทำให้นโยบายต่างๆ ของรัฐบาลสามารถมี Insights ที่มากขึ้นได้และสร้าง การเติบโตให้กับประชาชนได้จริงๆ
ความร่วมมือด้าน Clean energy ระหว่าง ไมโครซอฟท์ กับรัฐบาลไทยนั้น คาดว่าจะมีความเกี่ยวข้องกับโซลูชั่น “Microsoft Cloud for Sustainability” ซึ่งเป็นกลุ่มบริการของไมโครซอฟท์ที่ช่วยให้องค์กรรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลด้านผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (ESG - environmental, social, governance)
สำหรับโซลูชั่นนี้ ช่วยขับเคลื่อนการวางแผนงานด้านความยั่งยืน ยกระดับประสิทธิภาพของเทคโนโลยีในองค์กร และลดผลกระทบที่มีต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งภายในองค์กรเองและในเครือข่ายธุรกิจและหน่วยงานที่ทำงานร่วมกันซึ่งที่ผ่านมาไมโครซอฟท์ นับเป็นองค์กรด้านนวัตกรรมเทคโนโลยีที่มีส่วนร่วมในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการดำเนินธุรกิจด้านคลาวด์ที่มีศูนย์ ดาต้า เซ็นเตอร์ ให้บริการลูกค้าอยู่ทั่วทุกมุมโลก โซลูชั่น Cloud for Sustainability จึงถูกพัฒนาขึ้น มีเป้าหมาย เพื่อลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกจากระบบนิเวศภายในปี 2573 และตั้งเป้าต่อยอดภายในปี 2593 ปริมาณค่าก๊าซเรือนกระจกจากธุรกิจจะต้องเท่ากับศูนย์
อ่านข่าวอื่นๆ เพิ่มเติม
