LINE IDOL ปิดบริการสิ้นปี ให้ใช้ LINE OA คุณอาจต้องจ่ายเงินเป็นล้าน

การประกาศปิดตัวให้บริการ LINE IDOL ในวันที่ 31 ธ.ค. 2565 นี้ ให้ย้ายไปใช้ LINE OA แทน เป็นการประกาศที่ส่งผลกระทบไม่น้อยกับ คนดัง Influencer สื่อ ที่ตั้งแต่มีการเปิดให้บริการนี้มาได้ลงทุน ลงแรง สร้างผู้ติดตามหลักแสนถึงหลักล้าน และก็ต้องยอมรับว่าทำให้เนื้อหาหรือการสื่อสารต่างๆเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ระดับหนึ่ง

แต่การปิดตัวลงครั้งนี้ โดยผู้บริหารไลน์ ประเทศไทย ได้ให้ข้อมูลกับสปริงนิวส์ว่า เป็นการปรับตัวทางธุรกิจ ที่ต้องมีการปรับปรุงพัฒนาในหลายๆด้าน เช่น ก่อนหน้านี้มีการปิดตัว LINE TV ไป ซึ่งจริงๆแล้วเขาคาดหวังว่า จะเป็นแพลตฟอร์มของคนไทย แต่สุดท้ายการดำเนินการทางธุรกิจก็ต้องมีวิถีของมัน 

ในส่วน LINE IDOL ที่ต้องปิดตัวลงเช่นเดียวกัน แต่ก็ยังมีให้ผู้ใช้งานได้ย้ายไปใช้บริการของ LINE official account แทน รวมไปถึงทีมไลน์ประเทศไทยก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ กำลังหาวิธีพัฒนาโอกาสการทำงานร่วมกับสื่อ เช่น แนะนำให้ไปใช้ LINE vroom แทน โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :

• เปิดอินไซต์ LINE FOR ELECTION เทคโนโลยีสู้ศึกเลือกตั้ง ดึงความสนใจประชาชน

• LINE MELODY ปล่อยฟีเจอร์ใหม่ “MELODY for YOU” #เปลี่ยนเพลงที่ใช่ให้คนที่ชอบ

จากข้อมูลดังกล่าว ในมุมมองของผู้ผลิตคอนเท้น ผู้สร้าง community สื่อ หรือ influencer ที่มีผู้ติดตามเป็นล้าน กำลังได้ผลกระทบจากการย้ายไปใช้ LINE official account ที่จะต้องเสียค่าใช้จ่ายในการส่งข้อความข่าวสารไปถึงมือผู้รับ จากแบบเดิมที่เสียค่าบริการให้ไลน์ 5,000-10,000 บาท กลับต้อง เสียเป็นแสนหรือล้าน เช่น สปริงนิวส์มีผู้ติดตาม 100,000 คน การส่งข้อความ1ครั้งเสียเงินอยู่ที่ข้อความละ 0.04 บาท เท่ากับ สปริงนิวส์ต้องเสียเงิน 4,000 บาท ต่อ 1 ข้อความ และถ้าวันนึงสปริงนิวส์ส่งข่าวถึงท่านผู้ชมวันละ 10 ครั้ง เท่ากับต้องเสียเงินถึง 40,000 บาทเลยทีเดียว 

ขณะเดียวกัน หากสปริงนิวส์ไม่ทำอะไรเลย ผู้ติดตามทั้งหลายที่สื่อต่างๆลงทุนสร้างมา ก็จะเป็น Targeting communities ของไลน์ไปโดยปริยาย DATA ของกลุ่มต่างๆก็อยู่ที่ไลน์อยู่แล้ว

คำถามคือผู้ชมเสียผลประโยชน์อะไร เพราะบางคนอาจคิดว่าก็สามารถอ่านข่าวผ่าน LINE today ได้ ถูกต้องครับจุดนี้ไม่ผิด แต่หากท่านผู้ชมลองเปิดอ่านใน LINE today ท่านได้เห็นชื่อผู้ผลิตคอนเท้นข่าวที่ท่านรู้จักมากหรือน้อยลงมั้ย เพราะถ้าหากน้อยลง “ความเชื่อมั่น” ที่ท่านควรได้รับจากสื่อก็ต้อง ตรวจสอบกลั่นกรองกันอีกทีว่าสื่อนี้สื่อนั้นน่าเชื่อถือหรือไม่ 

ทั้งหมดนี้คือเพียงแค่ส่วนหนึ่งจากการพึ่งพิงการสื่อสารผ่านแพลตฟอร์มที่พร้อมเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ปัญหาเหล่านี้ดูเหมือนเป็นปัญหาเล็ก แต่อีกมุมนึงการสื่อสารที่ถูกต้องเข้าถึงผู้ชม กลับไม่ได้รับการเหลียวแลจากหน่วยงานรัฐ ที่จะลองคิดว่าประเทศไทยควรมีแพลตฟอร์มของตัวเองหรือยัง หรือเราต้องยืมจมูกต่างชาติหายใจไปพร้อมและคอยลุ้นการเปลี่ยนแปลงตามนโยบายเขา ที่บางครั้งมันคือการส่งมอบ Data ของคนไทยให้ต่างชาติ แบบเสียเอกราชทางดิจิตอลไปแล้ว

ฝากไว้ให้คิด…

ระวี ตะวันธรงค์
นายกสมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์