จีนเตรียมฉีดวัคซีน mRNA จาก BioNTech หรือวัคซีนไฟเซอร์ เป็นวัคซีนเข็มที่ 3 ให้กับประชาชน หลังมีประสิทธิภาพต้านเชื้อกลายพันธุ์ ได้ดีกว่าวัคซีนเชื้อตายที่ประเทศจีนใช้เป็นหลักมาก่อนหน้านี้ และจะถือว่า นี่คือวัคซีนต่างชาติตัวแรกที่ประเทศจีนจะใช้ด้วย
จีนจ่ออนุมัติวัคซีนไฟเซอร์
ทางการจีนเตรียมฉีดวัคซีน BioNTech หรือที่รู้จักกันในนาม วัคซีนไฟเซอร์ เป็นวัคซีนเข็มที่ 3 สำหรับผู้ที่เข้ารับวัคซีนเชื้อตายครบโดสแล้ว และมีแนวโน้มที่ประชาชนจะได้รับวัคซีนไซเซอร์ฟรี โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ เพิ่มเติมด้วย ซึ่งนับเป็นเรื่องที่น่าจับตามอง หลังจาก คณะที่ปรึกษากำกับดูแลวัคซีนของจีนเตรียมอนุมัติวัคซีน mRNA ของไฟเซอร์ ซึ่งจะเป็นวัคซีนต่างชาติตัวแรกที่ได้รับอนุมัติบนจีนแผ่นดินใหญ่นั่นเอง
.
จากการเปิดเผยของ หวู อี่ฟาง ผู้บริหารระดับสูงของ Fosun Pharma ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจในการแจกจ่ายวัคซีนโควิดทั่วประเทศจีน บอกกับผู้ถือหุ้นว่า ผลจากการประชุมกับผู้กำกับดูแลยา เพื่อทบทวนวัคซีนเป็นไปอย่างเรียบร้อย และเจ้าหน้าที่จะเร่งทำงานอย่างเร็วเพื่อทำการทบทวนขั้นสุดท้าย และ คาดว่าจะเริ่มต้นสายพานการผลิตได้ภายในเดือนสิงหาคมนี้ โดยโรงงานดังกล่าวจะเป็นฐานการผลิตวัคซีน mRNA ที่สำคัญของจีน ซึ่งคาดว่าจะผลิตได้ราว 100-200 ล้านโดสต่อเดือน
.
เบื้องต้นมหาวิทยาลัยฮ่องกง กำลังศึกษาประสิทธิภาพและความปลอดภัยของการใช้วัคซีนผสมจากวัคซีนซิโนแวค และวัคซีนไฟเซอร์ อีกทั้ง Fosun Pharma และรัฐบาลจีน ก็กำลังศึกษาวิจัยในประเด็นเดียวกันนี้ ซึ่งวัคซีนเชื้อตายมีประสิทธิภาพต้านเชื้อโควิดได้น้อยกว่าวัคซีนmRNA อาทิวัคซีนไฟเซอร์ ที่ถึงแม้จะมีประสิทธิภาพลดลงเมื่อเจอไวรัสกลายพันธุ์ แต่ก็ยังถือว่ามีประสิทธิภาพเพียงพอในการต้านโควิดกลายพันธุ์เดลต้า
.
ทั้งนี้ จิน ตงหยาน นักไวรัสวิทยาโมเลกุล จากมหาวิทยาลัยฮ่องกงเผยว่าวัคซีนไฟเซอร์ และวัคซีนโมเดอร์นา มีความสามารถ มีประสิทธิภาพ รับมือได้กับทุกสายพันธุ์ที่มีอยู่ในตอนนี้และให้การปกป้องที่สูงกว่า แม้ว่าประสิทธิภาพจะลดลงก็ตาม
.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
Breaking News : ราชกิจจาฯ ประกาศ เข้มห้ามชุมนุม! ฝ่าฝืนคุก 2 ปี ปรับ 4 หมื่นบาท
มาเลเซีย จ่อหยุดใช้วัคซีนซิโนแวคทันทีที่ของหมด หันมาใช้ไฟเซอร์
เช็กเลย "ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์" เปิดรายชื่อ รพ. 18 แห่ง ฉีดวัคซีน"ซิโนฟาร์ม"
ฉีดไฟเซอร์ฟรี ?
สำนักข่าว South China Morning Post หรือ SCMP รายงานอ้างแหล่งข่าวคนหนึ่งระบุว่า วัคซีนmRNA จะถูกนำมาใช้เป็นวัคซีนเข็มกระตุ้น สำหรับคนที่ได้รับวัคซีนจีนแล้ว 2 เข็ม และรัฐบาลระบุว่า จะฉีดให้ฟรี
แต่ อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีความชัดเจนใดๆ ว่า หน่วยงานกำกับดูแลยา จะอนุญาตให้ใช้วัคซีนไฟเซอร์ เป็นวัคซีนเข็มแรกหรือไม่ หรือต้องใช้เป็นเข็มที่ 3 เข็มบูสเตอร์ ตามที่เป็นข่าว
.
อย่างไรก็ตาม ทั้งนี้ Fosun Pharma และ บริษัท BioNTech ซึ่งผลิตวัคซีนไฟเซอร์ ยังไม่ได้ออกมาแสดงความเห็นในเรื่องนี้แต่อย่างใด หลังจาก South China Morning Post รายงานข่าวนี้ไป
.
ปัจจุบัน จีนอนุมัติเฉพาะวัคซีนที่พัฒนาในประเทศ รวมถึงวัคซีนของวัคซีนซิโนฟาร์ม ,วัคซีนซิโนแวค , วัคซีน จื้อเฟย ( Zhifei ) และวัคซีนโดสเดียวของ วัคซีนแคนซิโน ด้วย โดยจีนบรรลุเป้าหมายฉีดวัคซีนให้ประชากร 40% หรือราว 630 ล้านคนได้แล้ว และเมื่อเดือนที่แล้วตั้งเป้าหมายว่าจะฉีดวัคซีนให้ประชากร 70% ภายในสิ้นปีนี้
.
บีบบังคับให้ประชาชนต้องฉีดวัคซีน
ทั้งนี้ สถานการณ์โควิด-19ในประเทศจีนถือว่า เริ่มฟื้นตัวมากแล้ว บางมณฑลคลี่คลายจากความเคร่งเครียดเรื่องการระบาดแล้ว แต่ก็มี ประชาชนบางส่วนที่ไม่ไป รับวัคซีนโควิด-19 ซึ่งทางการจีน ก็ออกมาตรการบีบให้ประชาชนทั้งครอบครัวต้องฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ไม่เช่นนั้นแล้ว ลูกหลานของพวกเขาจะไปเรียนหนังสือไม่ได้ นอกจากนี้ยังออกข้อบังคับทางสังคม โดยชี้ว่า หากประชาชนคนใดไม่ฉีดวัคซีน จะเข้าใช้บริการที่สาธารณะ โรงพยาบาล และเข้าซูเปอร์มาร์เก็ตไม่ได้
.
อย่างไรก็ตาม ความเข้มงวดของมาตรการแตกต่างกันไปในแต่ละเมืองในประเทศจีนนั้น และกระทบกับเด็กในช่วงอายุที่แตกต่างกัน รวมถึงเส้นตายของการรับวัคซีนโควิด-19 เองก็ไม่ตรงกันในแต่ละเมืองด้วย แต่ส่วนใหญ่กำหนดเส้นตายว่าต้องฉีดวัคซีนก่อนสิ้นเดือนนี้ และจากเรื่องนี้ทำให้ สังคมออนไลน์จีนวิพากษ์วิจารณ์มาตรการเหล่านี้ โดยชี้ว่า ไม่ยุติธรรมเลย เพราะตอนแรก รัฐบาลระบุว่า ให้ประชาชนฉีดวัคซีนตามความสมัครใจ แต่มาเวลานี้กลับบีบบังคับ
.
เรื่องการบีบบังคับให้ประชาชนต้องเข้ารับวัคซีนไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะก่อนหน้านี้ก็มีในประเทศในยุโรป ใช้มาตรการบังคับประชาชนให้ฉีดวัคซีนเช่นกัน อาทิ ฝรั่งเศสและกรีซ ที่ระบุว่า บุคลากรทางการแพทย์และพนักงานบางภาคส่วนต้องฉีดวัคซีน หากไม่อยากต้องถูกพักงาน และที่ประเทศกรีซก็มีการรวมตัวกันประท้วงครั้งใหญ่ มีผู้ชุมนุม 5000 คน และแกนนำมาจากแพทย์ ที่มีจุดยืนไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่รัฐบาลทำ (การบังคับฉีดวัคซีน) เพราะ ไม่ใช่รัฐบาลที่มาคิดแทนร่างกายประชาชน และทุกคนมีสิทธิ์จะเลือกวัคซีนที่ดีเอง.