แฮชแท็ค #FreeBritney กลายเป็นเทรนด์ที่พูดถึงในโลกออนไลน์อีกครั้ง หลังจากบริทนี่ย์ สเปียร์ส พูดต่อศาลเป็นครั้งแรก โดยเธอขอให้ปลดพ่อเธอออกจากการเป็นผู้ดูแล และที่ผ่านมาชีวิตของเธอบอบช้ำมาก และต้องการชีวิตของตัวเองคืน
"มนุษย์ล้วนแล้วแต่ต้องการเป็นเจ้าของอนาคต เพื่อที่จะเปลี่ยนแปลงอดีตของตัวเอง" จากข้อความของนักเขียนดังระดับโลก อย่าง มิลาน กุนเดล่า อาจจะเป็น คำพูดแทนช่วงชีวิตของบริทนี่ย์ สเปียร์ส ซูเปอร์สตาร์ดาวดังของโลกได้ หลังจากล่าสุดกระแส แฮชแท็ก #FreeBritney กลับมาเป็นกระแสถูกพูดถึงในวงกว้างในโลกออนไลน์อีกครั้ง
จุดเริ่มต้นแห่งความด่ำดิ่ง
หมุนเข็มนาฬิกากลับไปที่จุดเริ่มต้น 2007 บริทนี่ย์ สเปียร์สที่โด่งดังสุดๆ บนวัย 26 ปี ต้องพบมรสุมสาดซัดกระหน่ำ จนชีวิตพัง ๆ เริ่มต้นขึ้นตอนที่แพ้คดีหย่าร้างกับสามี เควิน เฟเดอร์ไลน์ จนทำให้เธอต้องจ่ายเงินค่าเลี้ยงดูบุตรและสามีเป็นจำนวนมหาศาล ซ้ำร้ายไปกว่านั้น เธอต้องเสียสิทธิในการเลี้ยงดูลูกทั้งสองคนให้อดีตสามีอีกด้วย ซึ่งกลายเป็นปัญหา สร้างรอยแผลให้จิตใจของบริทนี่ย์ สเปียร์สในเวลาต่อมา
บริทนี่ย์ สเปียร์สก็เริ่มเสียศูนย์อย่างหนักจนกลายเป็นข่าวดังไปทั่วโลก ซึ่งที่ตามมา คือ พฤติกรรมที่เปลี่ยนไปมีตั้งแต่โกนหัวตัวเอง สุดท้ายต้องเข้ารับการบำบัดปัญหาสุขภาพจิตในโรงพยาบาล
ปัญหาเรื้อรังที่ฝังราก
จากนั้น ความเรื้อรังของปัญหาก็ตามมาทับถม ครั้งแล้วครั้งเล่า เพราะเธอไม่สามารถ ควบคุมตัวเองได้ จนกระทั่ง ศาลจัดให้ บริทนี่ย์ สเปียร์ส อยู่ในกลุ่มคนที่ไม่สามารถจัดการหรือตัดสินใจเรื่องต่างๆของตัวเองได้ ก่อนจะตัดสินแต่งตั้งให้ เจมี่ สเปียร์ส พ่อแท้ๆของเธอและทนายส่วนตัวเข้ามารับหน้าที่พิทักษ์กิจการและดูแลเรื่องต่าง ๆ ในชีวิตของบริทนี่ย์ สเปียร์ส ทั้งด้านกฏหมาย ทรัพย์สิน สุขภาพ รวมถึงงานทั้งหมด
สรุปง่าย ๆ ว่า ภายใต้กฏหมายนี้ทำให้พ่อกลายมาเป็นผู้จัดการชีวิต และมีสิทธิ 100 เปอร์เซ็นต์ในการควบคุมเรื่องต่างๆของลูกสาว
แต่ แฟนเพลงของบริทนี่ย์ สเปียร์ส กลุ่มหนึ่งที่ไม่เห็นด้วยกับการตัดสินนี้ ได้สร้างแคมเปญสนับสนุนนักร้องสาวในชื่อ #FreeBritney เพื่อหวังว่าจะปลดปล่อยเธอเป็นอิสระอย่างแท้จริง
จบที่โรงพยาบาลจิตเวชทุกครั้งไป
แต่ทุกอย่างมัน ดิ่งเหวลงไป เพราะหากพิจาณาจากข่าวที่ปรากฏออกมาในช่วงหลัง เพราะเมื่อปี 2018 เจ้าของเพลงฮิต Baby One More Time, Oops!... I Did It Again หรือ Toxi ออกมาเปิดเผยต่อสาธารณชนว่า เธอกำลังสูญเสียชีวิตของตนเองไป เพราะเธอกำลังกลายเป็น "ทาส"
บริทนี่ย์ สเปียร์ส พยายามออกมาให้สัมภาษณ์ว่า การที่เธอต้องเข้าๆออก ๆ แผนกจิตเวช บ่อยครั้ง สาเหตุหลักมาจากการบังคับจากพ่อ เจมี่ สเปียร์ส
อีกทั้งยังมีข่าวว่าหลายครั้ง เจมี่ สเปียร์ส บังคับให้ลูกทำงานหนัก ทั้งๆที่เธอเองไม่อยากทำ โดยมีสื่อหลายแขนงใช้คำรุนแรงถึงขั้นว่า เจมี่ ใช้ บริทนี่ย์ สเปียร์สราวกับเครื่องพิมพ์แบงค์!
ทุกครั้งที่บริทนี่ย์ สเปียร์ส เหนื่อยล้าจากการเล่นคอนเสิร์ต หรือระเบิดอารมณ์ ระบายความเหนื่อยใส่พ่อหรือใครๆ บทสรุปอันน่าเศร้าของเรื่องนี้มักจะจบลงด้วยการที่เธอถูกส่งไปโรงพยาบาลจิตเวชทุกครั้งไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ทำความรู้จักกับ โรคซึมเศร้า โรคที่ไม่ใช่เกิดจากความอ่อนแอของจิตใจ
ลานนา คัมมินส์ เผยป่วยซึมเศร้า โดนบูลลี่อ้วน รับเคยฆ่าตัวตาย 3 ครั้ง
เกิดกระแส #FreeBritney
ครั้งหนึ่ง บริทนี่ย์ สเปียร์ส ถูกบังคับโดยทีม ขู่ว่าหากเธอไม่ออกทัวร์ เธอจะโดนฟ้องได้ เธอจึงยอมออกทัวร์แม้จะมีอยู่รอบนึงที่เธอมีไข้ขึ้นสูงก็ต้องขึ้นโชว์
บริทนี่ย์ เริ่มต่อต้านที่จะไม่ออกทัวร์มากขึ้น ทำให้ทีมงานและทีมผู้ช่วยจับเข่าคุยกัน จากนั้นก็เรียกทีมแพทย์มาและบอกว่าบริทนี่ย์ไม่ให้ความร่วมมือ
แม้ชีวิตที่น่าสงสารนี้ของบริทนี่ย์ สเปียร์ส จะทำให้เธอรู้สึกว่าโดดเดี่ยวและเครียด แต่เหล่าแฟน ๆ ผู้เป็นที่รักของเธอไม่เคยทิ้งไอดอลของพวกเขาไว้ข้างหลัง ย้อนกลับไปในปี 2009 หลังศาลตัดสินว่าสเปียร์สไร้อำนาจในชีวิตตัวเอง แต่แฟนเพลงพันธุ์แท้กลุ่มหนึ่ง ได้สร้างแคมเปญสนับสนุนนักร้องสาวในชื่อ #FreeBritney เพื่อหวังว่าช่วยเธอให้เป็นอิสระอย่างแท้จริง
วันปลดปล่อย...
23 มิถุนายน 2021 นี่คือวันที่ บริทนี่ย์ สเปียร์ส ได้ปลดปล่อยพันธนาการเรื่องราวทั้งหมด ซึ่งเป็นครั้งแรกที่เธอกล่าวต่อศาล โดยเธอให้การถึงการ ขอทวงสิทธิ์กลับมาเป็นผู้พิทักษ์ชีวิตรวมถึงทรัพย์สินของตัวเอง
โดย เธอระบายความในใจออกมา ต่อหน้าศาล ซึ่งรวมความโดยสรุป บริทนี่ย์ สเปียร์ส ที่เธอเคยบอกว่า ชีวิตโอเค...แต่แท้ที่จริงแล้ว มันคือเรื่องโกหกทั้งหมด
เธอบอกว่าเธอเปรียบเสมือนทาส เธอถูกควบคุมทุกสิ่งที่อย่างในชีวิต และเธอรู้สึกเหมือนตายไปแล้ว
คำพูดของเธอไม่มีความหมายใดๆ และเธอเองรู้สึกบอบช้ำกับเรื่องราวที่ผ่านมา เธอเองรู้สึกโดนข่มเหงมานาน
และถ้อยคำ ที่กินใจใครและใครหลายคน...บริทนี่ย์ สเปียร์ส พูดไว้ ในตอนหนึ่งตลอด 30 นาทีที่เธอกล่าวต่อศาลว่า "ฉันแค่อยากได้ชีวิตคืน..."
ขณะที่ จัสติน ทิมเบอร์เลค อดีตคนรัก ก็ออกมาเคลื่อนไหว โดยบอกว่า จากนี้ทุกคนควรสนับสนุน ไม่ว่าอดีตของบริทนี่ย์จะเป็นอย่างไร ผู้หญิงควรมีสิทธิตัดสินใจในเรื่องของตัวเอง
...แหละนี่คือ เรื่องราว จากแฮชแท็ก #FreeBritney การพูดออกสื่อของบริทนีย์ สเปียร์ส ครั้งแรกในรอบ 13 ปี นับตั้งแต่ชีวิตเธอเริ่มดิ่งลงเหว จากการถูกควบคุมชีวิตและอาชีพการงาน หวังว่าจะได้รับบทสรุปที่สมควรและอย่างน้อยที่สุดให้นางได้มีอิสระจริงๆเสียที...เพราะ "มนุษย์ล้วนแล้วแต่ต้องการเป็นเจ้าของอนาคต เพื่อที่จะเปลี่ยนแปลงอดีตของตัวเอง"