โลกต้องตระหนัก! อดีตเด็กฝึกหัดเอซี มิลาน ฆ่าตัวตาย ลาโลกเพราะโดนเหยียดผิว

เหตุแห่งความตายเพราะเหยียดผิว

 ...เป็นอีกครั้งที่เกิดข่าวเศร้าในวงการกีฬา เมื่อมีนักกีฬาปลิดชีพตัวเองอีกครั้ง บาดแผลแห่งความเจ็บปวดได้ถูกฝังลงในหน้าประวัติศาสตร์ ตอกย้ำว่าไม่ว่าจะใครก็ตาม อาจถูกมัจจุราชคร่าชีวิตไปด้วย จากสาเหตุความเครียดที่บีบคั้น จนบีบบังคับชักใยจิตใจให้กระทำอัตตวินิบาตกรรม 
    เซอิด วิซิน ชื่อนี้อาจเป็นนักฟุตบอลที่ไม่ได้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง แต่เขาคือ อดีตเด็กปั้นสโมสรดังอย่างเอซี มิลาน เพื่อนร่วมรุ่นของ จานลุยจิ ดอนนารุมมา นายประตูทีมชาติอิตาลี  ซึ่งปัจจุบันเซอิด วิซิน คือเด็กหนุ่มวัยรุ่น 20 ปี ที่หันหลังให้วงการฟุตบอลมาแล้วตั้งแต่ 5 ปีก่อน โดยเขามีพื้นเพมาจากเอธิโอเปีย 
     ช่วงชีวิตของ เซอิด วิซิน ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเมื่อเขาต้องใช้ชีวิตด้วยความอดทนจากการโดนเหยียดผิวมานานหลายปี ส่วนหนึ่งเพราะเขาคือคนแอฟริกามาอยู่ในยุโรป และสุดท้ายสภาพจิตใจไม่สามารถแบกรับเรื่องนี้ได้อีกต่อไป ก็โบกมือลาโลกนี้ไปก่อนวัยอันควร
    จดหมายสั่งลา ระบุข้อความ ที่เต็มไปด้วยความทรมานที่มีผลมาจากการโดนเหยียดผิวเชื้อชาติซึ่งมันเพิ่มทวีขึ้นเรื่อยๆ นับตั้งแต่ที่เขาอพยพมาอยู่ในอิตาลี โดยหนึ่งในเรื่องที่แสนเจ็บปวดก็คือมีหญิงสูงวัยคนหนึ่งปฏิเสธที่จะให้เขาเสิร์ฟอาหารตอนที่เขาทำงานเป็นบริกร...

การแบกรับแรงกดดันของนักกีฬา

การจากไปของ เซอิด วิซิน ไม่ใช่ครั้งที่ความเครียด ความกดดันเป็นแรงผลักดันให้นักกีฬา เพราะในอดีตเรื่องแบบนี้เคยเกิดขึ้นกับนักกีฬาดังระดับโลก อาทิ หนึ่งในความสูญเสียของวงการฟุตบอล อย่าง โรเบิร์ต เอ็งเค่ นายทวารฝีมือดี ดีกรีทีมชาติเยอรมนี ของสโมสร ฮันโนเวอร์ เสียชีวิตจากการถูกรถไฟวิ่งชน เมื่อปี 2009 ทั้งที่ตอนนั้นเขายังเป็นนายทวารหนุ่มวัย 32 ปี

    ขณะที่ วงการฟุตบอลอังกฤษ ก็เคยมี แกรี่ สปีด อดีตนักเตะลีดส์ ยูไนเต็ด และนิวคาสเซิล รวมถึงเป็นอดีตผู้จัดการ เสียชีวิตครั้งอายุ 42 ปี ต้องจากไปด้วยการฆ่าตัวตาย  เมื่อปี 2011 
    ทั้ง 2 คนที่เป็นคนดังของวงการฟุตบอลต้องจากโลกนี้ไป เพราะความเครียดแรงกดดันจากโรคซึมเศร้า 

    นอกจากนี้ เซบาสเตียน ไดรส์เลอร์ ดาวรุ่งแห่งวงการฟุตบอลเยอรมนี ในช่วงยุคมิลเลเนียม ที่ต้องอำลาวงการฟุตบอล แค่วัย 28 ปี สาเหตุที่ต้อง ลาวงการ ก่อนวัยอันควร เพราะโดนแรงกดดันจากอาชีพ...แม้เคสนี้จะไม่ถึง ขั้นสูญเสียชีวิต แต่มันก็ทำให้วงการเสียดาวเด่น...
    โลกไม่มีโอกาสได้เห็นถึงความ จรัสแสงและการเปล่งประกาย...

ความสมดุลในเรื่องแรงกดดัน

ส่วนประเด็นที่ร้อนแรงที่สุด ที่เป็นเรื่องราวแรงกดดันและความเครียดบีบคั้นในวงการกีฬา  นั่นคือเหตุการณ์การถอนตัวจากเทนนิสรายการเฟรนช์ โอเพ่นของ นาโอมิ โอซากะ นักเทนนิสญี่ปุ่นชื่อดัง โดยเหตุผลของเธอ คือไม่อยาก เผชิญหน้ากับความเครียด และการถูกบีบบังคับให้เข้าไปในห้องแถลงข่าว ซึ่งเป็นข้อบังคับ และเธอมองไม่เห็นถึงประโยชน์ของการที่ต้องเจอกับคำถามเดิมๆ และอีกทั้ง โอซากะ ก็ยอมรับว่าเธอ คือพวก อินโทรเวิร์ต ซึ่งไม่อยากข้องเกี่ยวกับใคร...

และเรื่องนี้มีนักกีฬาดัง  ไม่ว่าจะเป็นสตีเฟ่น เคอร์รี่ นักบาสเก็ตบอล ดีกรีแชมป์ NBA ถึงลูอิส แฮมิลตัน แชมป์โลกรถแข่งฟอร์มูล่า วัน ออกมาซัพพอร์ทนาโอมิ โอซากะ 

แต่ขณะที่ฝั่งฝ่ายจัดการแข่งขันก็มีเหตุผลของพวกเขา เพราะนี่คือธรรมเนียมปฏิบัติที่สื่อจะได้ ยิงคำถาม ตั้งคำถามกับนักกีฬาโดยตรง ซึ่งนั่นก็น่าจะเป็นผลดีกับทั้งตัวนักกีฬาและสื่อมวลชนเองที่จะได้ประเด็นด้วยซ้ำ  

 "ถ้าคุณตั้งคำถามกับเหล่าฮีโร่ไม่ได้ สิ่งที่คุณจะได้รับก็มีแค่โฆษณาชวนเชื่อ" ... นี่คือ การตั้งคำถามของ โอลิเวอร์ โฮลท์ หัวหน้านักข่าวจากเดลี่เมล์ ต่อประเด็นการแบกรับความเครียดของโอซากะ

ราคาที่ต้องจ่ายของนักกีฬา 

ปฏิเสธไม่ได้ อาชีพนักกีฬาอาชีพ มีค่าตอบแทนที่สูง แต่แรงกดดัน รวมถึงความเครียด แรงบีบคั้นต่างๆ จากทั้งรายละเอียดในเนื้องานการแข่งขันในสนาม 
    รายละเอียดของการที่ต้องแบกรับความกดดันจากสื่อ ความเครียด โรคซึมเศร้าอาจจะเป็นสิ่งที่เปรียบเสมือนกับ "ราคาที่ต้องจ่าย" ของอาชีพนักกีฬา 

แต่อย่างไรก็ตาม ในประเด็น การ "เหยียดเชื้อผิว" ที่เซอิด วิซิน อดีตนักเตะฝึกหัดของเอซี มิลานต้องเผชิญ และนำมาสู่การเป็นโรคซึมเศร้า และดิ่งลึกในความเครียดจนเป็นสาเหตุของการฆ่าตัวตายนั้น  ก็เป็นสิ่งที่ทุกคนควรจะร่วมมือขจัดไปจากโลก เพราะประเด็นนี้ ณ เข็มนาฬิกาเดินอยู่ ในปี 2021 โลกได้หมุนมาถึงจุดที่บอกว่าแล้ว พิสูจน์แล้วว่า ไม่ว่าจะเชื้อชาติใด สีผิวใด ทุกคนต่างมีความเป็นมนุษย์อย่างเท่าเทียมกัน...
 

และมันไม่ควรมี เรื่องราวความเศร้าจากการอัตตวินิบาตกรรม จากการเหยียดเชื้อชาติ เหยียดผิว อีกเลย....