รู้หรือไม่ ว่าคนเรามักมีพฤติกรรมและการกระทำที่ฉุดรั้งชีวิตตัวเอง จนทำให้บางครั้งเราไม่พบกับความสุข หรือไม่พบแม้กระทั่งความสำเร็จ SPRiNG ชวนเช็กลิสต์ 9 สิ่งที่ฉุดรั้งชีวิต จากความสุขและความสำเร็จ
ในการดำเนินชีวิตในแต่ละวัน ดูเหมือนจะมีบางเรื่องที่ดูธรรมดา แตแสนจะฉุดรั้งความก้าวหน้าและความสุขต่างๆของเรา โดยไม่รู้ตัว ซึ่งเมื่อเรารู้สึกว่ามันเริ่มมีความสุขไม่เหมือนเมื่อก่อน เราควรจะเริ่มสำรวจตัวเอง ว่ากำลังเกิดสิ่งใดขึ้นกับเรา
แต่ถ้าหากลองเช็กลิสต์ภายในจิตใจแล้ว ยังคงไม่ได้คำตอบ #SPRiNG จะชวนทุกคนไปเช็กลิสต์ กับ 9 สิ่งที่ฉุดรั้งชีวิต จากความสุขและความสำเร็จ ลองดูว่าทั้งหมดนี้มีข้อไหนบ้างที่เราเคยทำหรือกำลังทำอยู่บ้าง
1. เอาความสุขไปผูกกับเป้าหมาย และวิ่งตามตลอดเวลา
หลายคนมักวิ่งตามความสำเร็จเพื่อความสุข โดยคิดว่าจะเป็นความสุขนิจนิรันดร์ แต่กลับพบว่า ความสุขที่วาดฝันไว้กลับลดลงอย่างรวดเร็ว ทำให้ต้องตั้งเป้าหมายอื่นเพิ่ม เพื่อที่จะหวังถึงความสุขอีกครั้ง และกลายเป็นวงจรที่ไม่สิ้นสุด
2. ไม่รู้ว่าอะไรสำคัญ เพราะให้ความสำคัญกับทุกอย่าง
เพราะความต้องการที่มีมันมากเกินไป ทำให้เราไม่สามารถทำได้ครบทุกอย่าง ดังนั้นเราควรจะต้องจัดลำดับความสำคัญเพื่อให้เรากรองดูว่าอะไรที่เป็นส่วนสำคัญจริงๆ พร้อมกับตัดบางอย่างออกไปเพื่อพัฒนาสิ่ที่สำคัญได้อย่างเต็มที่
3. พยายามพิสูจน์ตัวเอง เพื่อคนอื่นเสมอ
หลายคนมีความในใจที่อยากเอาชนะผู้อื่นอยู่ลึกๆ แม้ว่าเราจะสามารถทำทุกอย่างเพื่อพสูจน์ตัวเองได้ แต่การหล่อเบี้ยงความสุขด้วยการเอาชนะ เป็นเรื่องที่ไม่สนุกเลยด้วยซ้ำ เพราะการทำตามสิ่งที่คนอื่นต้องการ หรือให้คนอื่นเห็นความสามารถ มันจะกลายเป็นการกดดันตัวเองไปในตัว และเราไม่สามารถรู้ได้ว่าเมื่อไรเราถึงจะหยุดพิสูจน์ได้ เพราะนิยามของคำว่า “ดีพอ” ของแต่ละคนไม่เท่ากัน
4. หมกมุ่นอยู่ที่หน้าจอมากเกินไป
การใช้โซเชียลมีเดียอาจทำให้เราได้รับข่าวสาร แต่ในทางกลับกันก็อาจทำให้เราห่อเหี่ยวไม่มีความสุขเช่นกัน
ในวันว่างๆ ลองวางโทรศัพท์และเปิดโหมดห้ามรบกวน ก่อนที่จะละทิ้งทุกอย่างเพื่อทำกิจกรรมที่เป็นผลดีกับตัวเราเอง หรือทดลองสิ่งใหม่ เพื่อเพิ่มทักษะการเรียนรู้ให้ตัวเองก็ได้
5. โทษทุกอย่างยกเว้นตัวเอง ไม่ยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น
เพราะความสามารถที่เฉพาะเจาะจงที่แตกต่างและไม่เท่ากัน จึงสอนให้เราได้เรียนรู้ว่าการยอมรับว่าสิ่งใดที่เราทำไม่ได้ ไม่ใช่เรื่องน่าอาย ถึงแม้ว่าในที่สุดจะไม่สามารถบรรลุเป้าหมายนั้นๆ ได้ แต่อย่างน้อยเราจะได้ประสบการณ์และยอมรับว่ามันไม่เหมาะกับตัวเอง การปล่อยวางสิ่งที่เกิดขึ้นจะเป็นประตูไปสู่การเปิดรับสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่า
6. ไม่มีเวลาพักผ่อน เพราะติดนิสัยนอนดึก
ไม่ว่าจะเป็นการเร่งปิดโปรเจกต์จนทำให้นอนดึก หรือดูหนังเพลิน ก็เป็นสิ่งที่ทำให้เวลาอันมีค่าถูกขโมยไป เพราะพักผ่อนไม่เพียงพอ
การเข้านอนเร็วจะสามารถเปลี่ยนชีวิตเราไป และการเข้านอนเร็วจะสามารถขจัดสิ่งรบกวนในชีวิตได้ดียิ่งขึ้น และมีส่วนทำให้งานที่ตั้งเอาไว้เสร็จตรงตามเป้าหมายและมีเวลาให้กับสิ่งที่เราอยากทำมากขึ้น
7. ไม่ move on จากความสัมพันธ์แย่ๆ
ความสัมพันธ์ที่บั่นทอนจิตใจ เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ชีวิตเราแย่ลง ควรหลีกเลี่ยงคนที่สร้างพลังลบให้ รวมทั้งคนที่ทำลายบรรยากาศการสนทนา หรือทำให้ชีวิตเราแย่ลง
การนำชีวิตเราไปยังเรื่องที่ดี คือการมีความสุขด้วยตัวเอง
8. เอาแต่รอเวลา ไม่กล้าตัดสินใจเปลี่ยนแปลง
สิ่งที่แย่ที่สุดในชีวิตเรา คือการยืนอยู่เฉยๆ และไม่กล้าที่จะลงมือทำอะไร ถ้ามัวแต่กลัวการตัดสินใจผิดพลาด รอให้ถึงช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดคงไม่มีวันตัดสินใจสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตได้ ไม่ว่าผลจะออกมาดีหรือแย่ อย่างน้อยเราได้เรียนรู้จากสิ่งที่เลือก เรียนรู้จากประสบการณ์และข้อผิดพลาดจากมัน
9. จริงจังกับการใช้ชีวิตมากเกินไป
บางทีความสุขไม่ใช่การมองหาและครอบครองสิ่งใดสิ่งหนึ่ง แต่เป็นการยอมรับ ปล่อยวาง ตัดสิ่งที่ไม่จำเป็นออกไปจากชีวิต เราต่างมีมือเพียงสองข้าง และไม่อาจถือทุกสิ่งทุกอย่างไว้ด้วยมือเพียงสองข้างนี้ได้ หาจุดสมดุลของการใช้ชีวิตให้เจอ แล้วเราจะพบว่าชีวิตคือการปล่อยวาง